"ศศิน" ชี้เทรนด์ปี'57 คนโฟกัสเรื่องการเมืองมาก สนใจสิ่งแวดล้อมน้อยลง
เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มนักกิจกรรมเคลื่อนไหวอิสระ ที่เรียกตัวเองว่า “ตื่นทอง” จัดเสวนา “ฝอยทอง” พร้อมจัด นิทรรศการเกี่ยวกับกรณีผลกระทบของชุมชนที่ได้รับจากการทำเหมืองแร่ทองคำ ณ ร้านกาแฟ House of commons กรุงเทพมหานคร ซึ่งภายในงานนายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ในฐานะคนรุ่นใหม่ที่ทำงานเพื่อสังคม ร่วมคุยถึงการปฏิรูปสิ่งแวดล้อม
เลขาธิการมูลนิธิสืบฯ มองว่า ปัญหาที่ตามมาเมื่อเกิดการปฏิรูปสิ่งแวดล้อม อันดับแรกคือ ป่าต่างๆ ในประเทศไทยจะหมดไป ปะการังพัง ขณะที่โครงสร้างการป้องกันชายฝั่งก็จะถูกทำลาย โดยอุตสาหกรรมจะขยายเต็มพื้นที่เบียดพื้นที่เกษตรกรรม และอาจเกิดเขตพื้นที่ของขยะอันตราย อันเนื่องมากจากพื้นที่อุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้นด้วย
นายศศิน ย้อนภาพให้เห็นโดยเฉพาะช่วงเวลาเกิดน้ำท่วม การจัดการน้ำหรือการป้องกันน้ำท่วมในบ้านเรายังทำแบบสะเปะสะปะ จนท้ายที่สุดเกิดการแย่งชิงน้ำอุปโภคบริโภคภายในประเทศในที่สุด
"เรื่องของสิ่งแวดล้อมเมืองไทย อยู่ในระดับการมีส่วนร่วม แค่การรับฟังความคิดเห็นเท่านั้น คนส่วนใหญ่มองว่า ไม่ใช่ประเด็นทางสังคมที่ใหญ่โต และไม่ใช่ประเด็นทางการเมืองที่สำคัญในสังคมไทย"
ขณะเดียวกันหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการตรวจสอบเรื่องทรัพยากรสิ่งแวดล้อม หน่วยงานที่เข้ามาดูแลหรือให้ข้อมูลในเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้นก็ยังมีไม่เพียงพอ มีน้อยมาก เช่น กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) โครงการนิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLaw) เป็นต้น
เขาจึงหวังว่า อยากให้มีหน่วยงานต่างๆ เข้ามาดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมกันนี้ได้เสนอให้มีการสร้างกลุ่มทางโซเซียลมีเดีย เพื่อการติดต่อประสานงานกันของกลุ่มนักกิจกรรมต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
สำหรับทางเลือกของการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเรื่องของสิ่งแวดล้อมนั้น เลขาธิการมูลนิธิสืบฯ ยกตัวอย่างความสำเร็จของบุคคลที่ต่อสู้กับเงินทุน ที่มารุกล้ำทรัพยากรในพื้นที่ กรณีของหมู่บ้านคลิตี้ล่าง คือชาวบ้านกะเหรี่ยงออกมาเรียกร้องเองไม่ได้ จึงมีคนข้างนอกเข้าไปช่วย แล้วก็สร้างเครือข่ายเข้าไปช่วย มีเอ็นจีโอก็เป็นส่วนหนึ่งที่ไปช่วย หรือนักวิขาการขับเคลื่อนให้ข้อมูล ฉะนั้น วิธีการก็คือ เราต้องมานั่งคุยกัน มานั่งคุยกับชาวบ้านว่า ถ้าทำแบบนี้ชาวบ้านพอใจไหม แล้วไม่พอใจเราจะทำอย่างไรให้ชาวบ้านพอใจและเห็นด้วย เป็นต้น
สุดท้ายนายศศิน มองด้วยว่า ตั้งแต่ ปี 2548-2557 กระแสความสนใจของประเทศไทยเปลี่ยนไป จากอดีตสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ในโรงเรียนมีชมรมสิ่งแวดล้อม มีค่ายอาสา แต่ ณ วันนี้ ปี 2557 กลายเป็นว่า คนโฟกัสเรื่องทางการเมืองมาก คนที่สนใจสิ่งแวดล้อมจริงๆ มีน้อยลงทุกวันๆ
และถึงแม้จะยังมีบุคคลที่ให้ความสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องอยู่ แต่ปัจจัยโดยรอบของบุคคลก็ไม่เอื้ออำนวยต่อการทำกิจกรรมแล้ว คือ ไม่มีเพื่อน ไม่มีองค์กรที่จะทำกิจกรรมร่วมกัน
“ในอดีตมีกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในโรงเรียน ทั้งชมรม ค่ายอาสา หรือโต๊ะข่าวในอดีตที่มีโต๊ะสิ่งแวดล้อม แต่ในปัจจุบันกลับไม่มีโต๊ะข่าวดังกล่าวแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจด้านสิ่งแวดล้อมลดลง รวมถึงประสบปัญหาทางด้านการเงินที่มีทุนในการดำเนินกิจกรรมไม่มากนัก”