คสช.ฟ้องกลุ่มต้านแล้ว 7 คน เชิญทีวีดาวเทียม 14 ช่องถก 4 มิ.ย.นี้
คสช.ใช้ทำเนียบฯแถลงข่าวประจำวันแทนทบ.เทเวศร์ เพิ่มทีมโฆษกพลเรือนเพิ่ม 3 ราย ประสานความเข้าใจต่างประเทศ ให้ความสำคัญจับอาวุธสงคราม ฟ้องกลุ่มต้านรัฐประหารแล้ว 7 คน 3 ข้อหา เชิญทีวีดาวเทียม 14 สถานีหารือปรับความเข้าใจ 4 มิ.ย.นี้ แบ่งงานปรองดอง 2 สาขา ยัน “บิ๊กตู่” ปัดตอบเข้าทำงานทำเนียบฯ ยังพูดผ่านช่อง 5 ทุกศุกร์เหมือนเดิม
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2557 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าวประจำวันว่า การปฏิบัติงานของ คสช. แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ 1.เข้มงวดในการจับกุมอาวุธสงคราม โดยปัจจุบันมีความคืบหน้าแล้ว หลังจากมีกลุ่มบุคคลนำอาวุธสงครามจำนวนมากมาวางไว้ในสวนที่จังหวัดชลบุรี โดย คสช. ยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องอาวุธสงคราม เพราะเป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้เกิดความไม่สงบ และ 2.บางกลุ่มที่ยังออกมาต่อต้านถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เพราะปัจจุบัน คสช. ใช้กฎอัยการศึก เบื้องต้นจะดำเนินการโดยสร้างความเข้าใจและเจรจาเป็นหลัก และอาจใช้ช่องทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
“ขณะนี้มีผู้กระทำความผิดจากการเคลื่อนไหวต่อต้านประมาณ 7 คน คาดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเริ่มสั่งฟ้องตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพราะทั้งหมด 7 คน มีลักษณะความผิดแน่นอน จาก 3 ฐานความผิดคือ ฝ่าฝืนประกาศ คสช. ทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย และทำร้ายเจ้าหน้าที่ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนว่าจะสั่งฟ้องอะไรบ้าง” พ.อ.วินธัย กล่าว
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า สำหรับกรณี คสช. ยังปิดกั้นสื่อนั้น เป็นมาตรการที่จำเป็น และได้ใคร่ครวญแล้ว ทราบดีว่าจะเกิดผลกระทบ แต่ยืนยันว่าขณะนี้ได้มีการผ่อนปรนเป็นระยะ สำหรับทีวีดาวเทียม 14 สถานี ที่มีเงื่อนไขพิเศษกับ คสช. นั้น ในวันที่ 4 มิถุนายน 2557 จะเชิญมาหารือร่วมกันเพื่อปรับความเข้าใจ ส่วนทีวีดาวเทียมที่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไข และไม่ได้รับอนุญาตโดยถูกต้อง เป็นเรื่องในส่วนของ กสทช. รับผิดชอบ
ด้าน พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก ในฐานะหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ กล่าวกรณีใช้ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เป็นสถานที่แถลงข่าวประจำวัน แทนสโมสรทหารบก เทเวศร์ ว่า เนื่องจากการทำงานขณะนี้เป็นภาพรวมของการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ฉะนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จึงปรับเปลี่ยนแปลงการแถลงข่าวประจำวันมาใช้ที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้มีการแต่งตั้งทีมงานโฆษกในส่วนของพลเรือนเพิ่มเติมเข้าอีก ประกอบด้วย ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ น.ส.ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต นักสื่อสารมวลชน และนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ
ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ผลการประชุมที่มีพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผู้บัญชาการทหารบก (รองฯผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการ คสช. เป็นประธานเมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 มิถุนายน 2557 นั้น ที่ประชุมได้มีการพูดถึงการจัดตั้งโครงสร้างที่เกี่ยวกับการปรองดองสมาฉันท์ แบ่งเป็น 2 สาขา คือ 1.ศูนย์ปรองดองสมาฉันท์เพื่อการปฏิรูป โดยการทำงานจะเป็นการสร้างบรรยากาศความสมาฉันท์ มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ศูนย์ดังกล่าวจัดทำขึ้น โดยจะประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ และ 2.คณะทำงานเตรียมการปฏิรูป โดยจะเป็นการเตรียมบุคลากรที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาที่จะมีการปฏิรูป การจัดประชุมเพื่อให้ได้ข้อยุติ และแนวทางของการปฏิรูปที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวด้วยว่า ผลการประชุมระหว่าง คสช. กับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการต่างประเทศ และกรมประชาสัมพันธ์ จากนี้จะมุ่งเน้นในเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่จะส่งเสริมในเรื่องความปรองดองสมาฉันท์ให้เกิดบรรยากาศความสามัคคีในประเทศ และสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศ โดยข้อมูลต่าง ๆ ของ คสช. จากนี้จะอัพเดตผ่านเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล www.thaigov.go.th ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้า คสช. จะเข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ไม่มีข้อมูล เพราะขณะนี้เพียงแต่ให้ส่วนงานประชาสัมพันธ์เข้ามา เนื่องจากองค์ประกอบหลายอย่างน่าจะเหมาะสมกว่า ส่วนงานอื่น ๆ ยังไม่ได้มีการพูดถึง แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรจะแจ้งให้ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีรายการที่พล.อ.ประยุทธ์ พบประชาชนทุกวันเสาร์ทางช่อง 11 หรือไม่ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ ยังสื่อสารกับประชาชนผ่านสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ทุกคืนวันศุกร์อยู่
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก bangkokbiznews