ขีดเส้น"ไพวงษ์"รายงานตัวก่อนเที่ยง 27 พ.ค.ไม่มาเจอคุก 2 ปี
คสช.ออกประกาศให้บุคคลที่ไม่เข้ารายงานตัวตามคำสั่งเรียก มารายงานตัวภายในเวลา 10.00 - 12.00 น. วันที่ 27 พ.ค.นี้ หากฝ่าฝืนโทษติดคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พ่วงห้ามกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับธุรกรรม-ทรัพย์สิน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกประกาศฉบับที่ 39 ฉบับที่ 40 และฉบับที่ 41 ระบุว่า บุคคลที่ คสช.เรียกให้มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 12/2557 ฉบับที่ 13/2557 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 รวมทั้งคำสั่งฉบับที่ 14/2557 คำสั่งที่ 15/2557 คำสั่งที่ 16/2557 คำสั่งที่ 18/2557 และคำสั่งที่ 19/2557 ที่ไม่ได้รายงานตัว หากไม่ได้มารายงานตัวภายในวันที่ 27 พฤษภาคม 2557 เวลา 10.00 - 12.00 น. ถือว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ คสช.กำหนด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกห้ามกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน หรือดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินด้วย
ประกาศดังกล่าว ระบุด้วยว่า หากบุคคลใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกของ คสช. ต้องระวางโทษไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือสั่งห้ามกระทำการใด ๆ เกี่ยวการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินด้วย
(อ่านประกาศฉบับเต็ม)
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 39 /2557
เรื่องการกำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวของบุคคลที่มารายงานตัวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
เพื่อให้มาตรการรักษาความสงบของบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพจึงกำหนดเงื่อนไขและมาตรการเกี่ยวกับรายงานตัวตามคำสั่งหรือประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังนี้
1.ให้บุคคลที่มารายงานตัวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติและได้รับการปล่อยตัวปฎิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามแบบแนบท้ายคำสั่งนี้อย่างเคร่งครัด
2.บุคคลใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไงที่กำหนดใน ข้อ 1 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 40/2557
เรื่อง การกำหนดเงื่อนไขการปล่อยตัวของบุคคลที่ถูกกักตัวตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 มาตรา 15 ทวิ
เพื่อให้มาตรการรักษาความสงบของบ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพจึงกำหนดเงื่อนไขและมาตรการเกี่ยวกับการปล่อยตัว บุคคลที่ถูกกักตัว ตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 มาตรา 15 ทวิดังนี้
1. ให้บุคคลที่ถูกกักตัวตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 มาตรา 15 ทวิ ปฎิบัติตามเงื่อนไขกำหนด ตามแบบแนบท้ายประกาศนี้อย่างเคร่งครัด
2. บุคคลใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในข้อ 1 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 41//2557
เรื่องกำหนดให้การฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัวเป็นความผิด
ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัว ต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ปรากฎว่ามีบุคคลบางรายฝ่าฝืนไม่ปฎิบัตืตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาตินั้น เพื่อเพื่อให้ตามปฎิบัติตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับการเรียกบุคคลให้มารายงานตัวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นไปอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาดจึงออกประกาศดังนี้
1.บุคคลใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้บุคคลมารายงานตัวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับและถูกสั่งห้ามกระทำการใดๆหรือ สั่งให้กระทำการใดๆเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินหรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินด้วย ทั้งนี้เป็นไปตามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
2.บุคคลที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติเรียกให้มารายงานตัวตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 12/2557 และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ 13/2557 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 รวมทั้งคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 14/ 2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 15/2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 16/2557 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 18/2557 และ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 19/2557 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ที่ยังไม่ได้มารายงานตัวหากยังไม่มารายงานตัวในวันที่ 27 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 เวลา 10.00 น.-12.00น. ถือว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามคำสั่งที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติกำหนด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกสั่งห้ามกระทำการใดๆหรือสั่งให้กระทำการใดๆ เกี่ยวกับการทำธุรการทางการเงินหรือการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินด้วย ทั้งนี้เป็นไปตามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 26 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลที่ถูกเรียกตัวมาพบตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 12 คือ นายไพวงษ์ เตชะณรงค์
ฉบับที่ 13 คือ
1. นางจรรยา สว่างจิตร
2. นายชเยนทร์ คำนวณ
3.นายพิชิต ชื่นบาน
4.นางกาญจนาภา หงษ์เหิน
5.นางสาวณัชชานันท์ เครือชัย
6. นางวิมลรัตน์ กุลดิลก
ฉบับที่ 14 คือ
1. นายสารัชถ์ รัตนาวะดี
2. นายบัณฑิต พิทักษ์สิทธิ์
3. พันตำรวจเอกรวมนคร ทับทิมธงชัย
4. นายวัชระพันธุ์ จันทรขจร
5. พลเอกสิงห์ทอง พลอยแดง
6. พลเอกวรวิทย์ ชินะนาวิน
7. นายสำราญ สายชนะ
8. นายธนเดช เอกอภิวัชร์
9. นายคมกฤษ อาวุธเพชร
10. ร้อยเอกกฤษณ์ อิสารพายุ
11. นายดำรงค์ พิเดช
12. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด
13. นายรังสี เสรีชัยใจมุ่ง
14. นายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง
15. นายสมชาย ไพบูลย์
16. นายอรรถชัย อนันตเมฆ
17. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์
18. นางจารุพรรณ กุลดิลก
19. นางสาวศุภรัตน์ นาคบุญนำ
20. นายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ
21. นางสาวขัตติยา สวัสดิผล
22. นายนพพร นามเชียงใต้
23. นายมนตรี ตั้งเจริญถาวร
24. นายชาญยุทธ เฮงตระกูล
25. นายโสภณ เมฆตระกูล
26. นายอนันต์ อัศวโภคิน
27. นายเศรษฐา ทวีสิน
28. นายธวัชชัย วิไลลักษณ์
29. นายเปรมชัย กรรณสูตร
30. นายอภิชาต จันทร์สกุลพร
ฉบับที่ 15 คือ
1. นายสมหมาย แว่นแก้ว
2. นายสมหมาย สกุลเมตตา
3. นายวิทยา บุรณศิริ
ฉบับที่ 16 คือ
1. นายบรรเจิด สิงคะเนติ
2. นายสุรพล นิติไกรพจน์
3. นายหริรักษ์ สูตะบุตร
4. นายชัยอนันต์ สมุทวณิช
5. นายธีรยุทธ บุญมี
ฉบับที่ 18 คือ
1. พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัสมี
2. นายวิม รุ่งวัฒนจินดา
3. นายแทนคุณ จิตต์อิสระ
4. พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร
ฉบับที่ 19 คือ
1. นางปราณี เอ็งอายุรกูล
2. นายวีระชัย วงศ์นภาจันทร์