คสช.ตั้งบก.ทบ.ศูนย์กลางบริหารประเทศ-ยันไร้ข้อมูลปล่อยตัว"ยิ่งลักษณ์"
คสช.ตั้งกองบัญชาการกองทัพบกเป็นศูนย์กลางบริหารประเทศ แบ่งงาน 3 ส่วน ตั้งนายกฯอยู่ในดุลยพินิจของ “พล.อ.ประยุทธ์” จ่อเอาผิดคนปลุกปั่น - ปล่อยข่าวลือ เร่งสร้างความเข้าใจกลุ่มต้านรัฐประหาร - ยังบังคับใช้เคอร์ฟิวอยู่ - ยันไม่รู้ข้อมูลปล่อยตัว "ยิ่งลักษณ์"
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2557 ที่สโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดี – รังสิต คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าวถึงความคืบหน้าในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยพ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ย้ำถึงระบบริหารงาน 3 ส่วน แบ่งเป็น อำนาจที่เกี่ยวข้องโดยปลัดกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ยังดำเนินการได้ตามปกติ ส่วนอำนาจที่มีขอบเขตเกี่ยวกับรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่าง ๆ จะต้องเสนอเรื่องผ่านความเห็นชอบของฝ่ายต่าง ๆ ที่ คสช.ได้ตั้งขึ้น
“ส่วนอำนาจหน้าที่ในลักษณะของนายกรัฐมนตรีนั้น คงจะต้องอยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้า คสช.” พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าว
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวว่า โครงการทุกส่วนที่เกี่ยวกับการบริหารราชการพื้นฐาน และเร่งด่วน ที่บรรเทาความเดือดร้อนกับประชาชน ให้เร่งรีบดำเนินการ ขณะที่โครงการใดที่จะต้องมีการแก้ไข หรือเป็นโครงการเริ่มใหม่จะต้องชะลอออกไปก่อน ส่วนโครงการข้อตกลงระหว่างประเทศต้องดำเนินการต่อไป
“ความคืบหน้าวิธีปฏิบัติงานนั้น คสช.ได้จัดตั้งศูนย์กลางของการบริหารราชการขึ้นที่ กองบัญชาการกองทัพบก โดยขณะนี้มีผู้แทนจากกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ รวมไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เข้าปฏิบัติงานในสถานที่ดังกล่าวแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างข้าราชการพลเรือน ตำรวจ และทหาร” พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าว
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ขณะนี้มีช่องทางในการดำเนินการยุยงปลุกปั่นอยู่ และผู้ที่ปล่อยข่าวลือ ปล่อยข่าวบิดเบือนประกาศ หรือคำสั่งของ คสช. อย่างไรก็ดีขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ดำเนินการเอาผิดอยู่ แต่ก็เป็นเรื่องไม่ง่ายนัก ดังนั้นตรงนี้ถือเป็นเรื่องหลักต่อไปที่ คสช.จะต้องดำเนินการ
“ขณะนี้เรายังไม่ได้ลดมาตรการทางกฎหมาย ขอยืนยันว่า สภาพของบ้านเมืองไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติ และกฎหมายความมั่นคงก็เป็นกฎหมายสูงสุด ดังนั้นความผิดต่าง ๆ จะค่อนข้างรุนแรง จึงไม่อยากให้ประชาชนต้องดำเนินการในลักษณะดังกล่าว” พ.อ.วินธัย กล่าว
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ตรวจพบลักษณะการรวมกลุ่มต่อต้านรัฐประหาร 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เป็นไปด้วยความเข้าใจในเจตนาที่ต้องการจะสะท้อน หรือแสดงออกในแนวทางตามระบอบประชาธิปไตย ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งจะออกไปในลักษณะที่มีการแอบแฝง มีนัยยะต้องการปลุกปั่น ปลุกระดม ต่อต้านเจ้าหน้าที่ โดย 2 กลุ่มนี้มีความผิด คสช.เองต้องใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าดำเนินการอย่างแน่นอน แต่ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่
“ผู้บังคับหน่วยทหาร หรือตำรวจในแต่ละพื้นที่ อาจต้องเริ่มจากวิธีเจรจา สร้างความเข้าใจ และสุดท้ายต้องลงเอยที่การยุติ และห้ามไม่ให้กระทำ อยากขอเตือนว่า ไม่อยากให้มีเหตุปะทะกัน เพราะจะเป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่ง เพราะเจ้าหน้าที่รัฐต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ และสามารถใช้บังคับกับบุคคลที่กระทำผิด” พ.อ.วินธัย กล่าว
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ส่วนมาตรการเคอร์ฟิวเพื่อรักษาความสงบ และปลอดภัยเพื่อให้บ้านเมืองได้เดินสู่กระบวนการอื่น ๆ นั้น จะต้องดำเนินการต่อไปตามประกาศ หรือคำสั่งของ คสช. แต่ก็ได้มีการประกาศงดเว้นบุคคลบางประเภทไปแล้ว ตามประกาศของ คสช.
พ.อ.วินธัย กล่าวด้วยว่า กรณีที่มีกระแสข่าวเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2557 ที่มีการระบุว่าตนเป็นคนให้ข้อมูลว่ามีการปล่อยตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขอยืนยันว่าไม่ได้พูดว่ามีการปล่อยตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ แค่บอกว่ายังไม่มีข้อมูลการปล่อยตัวเท่านั้น