ชาร์ตอันดับท๊อป 5 เพลงเพราะ 'ปลุกใจ' วันรัฐประหาร ปี 57
มิใช่เรื่องบังเอิญสำหรับการเปิด ‘เพลงปลุกใจ’ บนหน้าจอโทรทัศน์ทุกช่อง หากแต่เชื่อว่าเป็นความตั้งใจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการให้คนไทยได้สาระและแง่คิดจากบทเพลงเหล่านี้ ซึ่งล้วนมีเนื้อหาที่เน้นย้ำให้คนในชาติรู้รักสามัคคี และสำนึกในบุญคุณแผ่นดิน เพื่อนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเกิดประโยชน์
คำว่า ‘ปลุกใจ’ นั้น พจนานุกรรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2554 ให้ความหมายว่า เร้าใจให้กล้าหาญหรือกระตือรือร้น โดยเพลงดังกล่าวเกิดขึ้นครั้งแรกสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ครั้งนั้นพระองค์ทรงใช้ในการปลุกระดมให้ชาวไทยตื่นตัวรักชาติช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
ดังนั้น จึงมักถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการต่อสู้เรียกร้องในเวลาต่อมา เช่นเดียวกับเหตุการณ์รัฐประหารครั้งนี้ที่สร้างความฮึกเหิมกลับมาให้คนไทยอีกครั้ง ซึ่งสังเกตได้ว่านับตั้งแต่ 16.30 น. ของวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ถึงปัจจุบัน มีเพลงปลุกใจที่ถูกเปิดมากที่สุดจนฮิตติดหูแทรกซึมเข้าสายเลือด ดังต่อไปนี้
เพลงหนักแผ่นดิน ประพันธ์เมื่อพ.ศ. 2518 โดยพ.อ.บุญส่ง หักฤทธิ์ศึก ขับร้องครั้งแรกโดยส.อ.อุบล คงสิน และศิริจันทร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เพื่อใช้ในการต่อสู้กับกลุ่มคอมมิวนิสต์ ระหว่างพ.ศ.2518-2523 โดยมีเนื้อหาบรรยายถึงคนขายชาติ ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก ดูถูกเหยียดหยามคนชาติเดียวกัน เปรียบได้กับคนหนักแผ่นดิน แน่นอนว่าประโยคที่หลายคนคงจดจำได้ขึ้นใจหนีไม่พ้น
“...หนักแผ่นดิน หนักแผ่นดิน คนเช่นนี้เป็นคนหนักแผ่นดิน (หนักแผ่นดิน!)
หนักแผ่นดิน หนักแผ่นดิน คนเช่นนี้เป็นคนหนักแผ่นดิน (หนักแผ่นดิน!)...”
เพลงต้นตระกูลไทย ประพันธ์เมื่อพ.ศ.2497 โดยพลตรีหลวงวิจิตรวาทการ เพื่อประกอบละคร ‘อานุภาพพ่อขุนรามคำแหง’ ผ่านการดัดแปลงทำนองเพลงเก่า มีเนื้อหาบรรยายถึงประวัติศาสตร์การต่อสู้ของวีรชนคนไทยกว่าจะได้ซึ่งแผ่นดินอยู่อาศัย อาทิ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ท้าวเทพสตรี ท้ายศรีสุนทร ท้าวสุรนารี ชาวบ้านบางระจัน พระยาพิชัยดาบหัก เจ้าพระยาโกษาเหล็ก สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
“...ต้นตระกูลไทย ใจท่านเหี้ยมหาญ รักษาดินแดนไทย ไว้ให้ลูกหลาน
สู้จนสูญเสีย แม้ชีวิตของท่าน เพื่อถนอมบ้าน เมืองไว้ให้เรา
ลุกขึ้นเถิด พี่น้องไทย อย่าให้ชีวิตสูญเปล่า
รักชาติยิ่งชีพของเรา เหมือนดังพงศ์เผ่า ต้นตระกูลไทย...”
เพลงเราไม่มีเวลาทะเลาะกันอีกแล้ว ประพันธ์เมื่อพ.ศ. 2519 โดยนคร ถนอมทรัพย์ ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน 6 รางวัล ได้แก่ ทำนองยอดเยี่ยม คำร้องยอดเยี่ยม ขับร้องยอดเยี่ยม เรียบเรียงเสียงประสานยอดเยี่ยม วงดนตรีและการบรรเลงยอดเยี่ยม และสร้างสรรค์แผ่นเสียงแนวเพลงยอดเยี่ยม ซึ่งมีเนื้อหาบรรยายให้คนในชาติหยุดทะเลาะกัน สามัคคีกัน เพื่อนำรัฐนาวาใหญ่ลำนี้แล่นไปสู่จุดหมายอย่างปลอดภัยและมั่นคง
“...เราไม่มีเวลาทะเลาะกันอีกแล้ว
เราต้องทำในแนว แห่งองค์ท้าวไท
ทรงตั้งปณิธานให้ ชนทั้งชาติร่วมใจ
เราจงรักกันไว้ ด้วยใจกลมเกลียว...”
เพลงเมืองกังวล ประพันธ์เมื่อพ.ศ.2492 โดย ถนอม อัครเศรณี ซึ่งเชื่อกันว่าอาจมีแนวคิดจากนโยบายสร้างชาติแบบรัฐนิยมของจอมพล ป. พิบูลสงคราม เพราะเกิดเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 พอดี พร้อมยืนยันว่ามิได้เป็นบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ด้วยปีที่ประพันธ์ขึ้นนั้นห่างจากช่วงพระองค์ทรงครองราชย์มาก ทั้งนี้ ข้อสงสัยดังกล่าวยังคงไม่คลายฉงน โดยมีเนื้อหาบรรยายถึงสิ่งสำคัญที่ชาติควรมี หากขาดข้อใดข้อหนึ่งไปอาจถึงคราวบรรลัยได้
“เมืองใดไม่มีทหาร เมืองนั้นไม่นาน...เป็นข้า
เมืองใดไร้จอมพารา เมืองนั้น ไม่ช้า...นับจน
เมืองใดไม่มีพานิชเลิศ เมืองนั้น ย่อมเกิดสับสน
เมืองใดไร้ศิลปะโสภณ เมืองนั้น ไม่พ้นเสื่อมทราม
เมืองใดไม่มีกวีแก้ว เมืองนั้นไม่แคล้วคนหยาม
เมืองใดไร้นารีงาม เมืองนั้นสิ้นความภูมิใจ
เมืองใดไม่มีดนตรีเลิศ เมืองนั้นไม่เพริศพิสมัย”
เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน
เพลงถามคนไทย ประพันธ์โดย สุรพล โทณวณิก มีเนื้อหาบรรยายถึงความไม่รู้รักสามัคคีของคนในชาติ มีการเข่นฆ่ากันทั้งที่เป็นคนไทยด้วยกัน โดยไม่ระลึกถึงบรรพบุรุษที่เฝ้ารักษาผืนเเผ่นดินเเหลมทองเเห่งนี้ไว้ หากเป็นเช่นนี้วิญญาณปู่คงด่าได้ว่า "ไอ้ลูกหลานจัญไร"
เข่นฆ่ากันทำไม เราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งผอง
ไทยฆ่าไทย ให้ชาติอื่นครอง
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร ไทยฆ่าไทยให้ชาติอื่นครอง
ไทยฆ่าไทยให้ชาติอื่นครอง วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร
วิญญาณปู่จะร้องไอ้ลูกหลานจัญไร
........................................
บทเพลงข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ถูกเปิดบนหน้าจอโทรทัศน์บ่อยที่สุดในช่วงรัฐประหารเท่านั้น ยังคงมีอีกมากมายที่ควรค่าแก่การศึกษา แต่เหนือสิ่งอื่นใดแก่นแท้ของบทเพลงปลุกใจเหล่านี้ คือ ความรู้รักสามัคคี ซึ่งจะเป็นทางออกสุดท้ายให้ชาติพ้นวิกฤติอยู่รอดปลอดภัยชั่วลูกชั่วหลาน .