ปธ.สภาการนสพ.ย้ำปิดกั้นสื่อไม่ได้ ชี้กอ.รส.ทำผิดรธน.ม.45 วรรค3
ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ชี้ กอ.รส. ละเมิดสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน ตามรธน.มาตรา 45 วรรค 3 ย้ำปิดกั้นสื่อไม่ได้ ยิ่งทำจะยิ่งเกิดปฏิกิริยาต่อต้านรุนแรง ร้องกสทช.ใช้บทบาทหน้าที่อย่างเข้มแข็ง
หลังจากกองทัพได้ประกาศกฎอัยการศึกซึ่งลงนามโดย พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในช่วง เวลา 03.00 น. ของวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 และมีประกาศตามมาจากกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ฉบับที่ 6/2557 เรื่อง ขอความร่วมมือระงับการถ่ายทอดออกอากาศของสถานี้โทรทัศน์ดาวเทียมเเละสถานีวิทยุชุมชน จากประกาศฉบับดังกล่าวมีสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมและสถานีวิทยุชุมชน 10 แห่งนั้น เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ประกาศฉบับดังกล่าวถือเป็นการริดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนหรือไม่
นายจักรกฤษ์ เพิ่มพูล ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวกับสำนักข่าวอิศราถึงกรณีดังกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนตามมาตรา 45 วรรค 3 ซึ่งรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า การสั่งปิดกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเพื่อลิดรอนเสรีภาพ จะกระทำมิได้ การห้ามหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเสนอข่าวสารหรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วน หรือการแทรกแซงด้วยวิธีการใดๆ เพื่อลิดรอนเสรีภาพจะกระทำมิได้ ดังนั้นในฐานะสื่อมวลชนจึงไม่ยอมรับการละเมิดหลักการพื้นฐานเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของบุคคลและสื่อมวลชน แม้จะอ้างเรื่องความมั่นคง หรือเหตุผลอื่นใดก็ตาม ซึ่งความจริงแล้วเราสามารถใช้องค์กรที่มีอำนาจตามกฎหมาย เช่น สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เข้ามาจัดการสื่อที่ไม่ได้จดทะเบียนหรือมีแนวโน้มว่าจะกระทำการยั่วยุให้เกิดความแตกแยก หรือแม้กระทั่งการใช้กฎหมายอาญาเข้ามาจัดการ และอีกเหตุผลหนึ่งคือบริบททางสังคมหรือภูมิทัศน์สื่อขณะนี้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะปิดกั้นอย่างไร ก็ไม่มีทางที่จะทำได้อยู่แล้ว ตรงกันข้าม ยิ่งปิดกั้นก็จะเกิดปฎิกริยาต่อต้านรุนแรงมากขึ้น
ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาทีวีดาวเทียมบางช่องมีความผิดในการนำเสนอข้อมูล หรือมีการหมิ่นประมาท แต่ที่ผ่านมา องค์กรอย่างกสทช.ไม่มีบทบาทในการเข้าไปตรวจสอบเพื่อที่จะแก้ปัญหา ความจริงที่ผ่านมาหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเข้มแข็งในการบังคับใช้กฎหมายเข้ามาควบคุมตรวจสอบไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมีการประกาศกฎอัยการศึกเข้ามาควบคุม
"ผมไม่เห็นว่า การปิดกั้น หรือลิดรอนเสรีภาพของสื่อครั้งนี้ จะมีผลในทางปฎิบัติอย่างไร เพราะกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่แบ่งเป็นสองฝ่ายนั้น คือกลุ่มการเมืองหรือกลุ่มที่มีความเชื่อและมีความภักดีอย่างเหนียวแน่นกับผู้นำของเขาอยู่แล้ว และที่สำคัญที่สุด นี่เป็นการละเมิดหลักการขั้นพื้นฐานของประเทศประชาธิปไตย ไม่มีเสรีภาพก็ไม่มีประชาธิปไตย"
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พล.อ. ประยุทธ์ เปิดแถลงข่าวหลังเชิญหัวหน้าส่วนราชการเข้าพบ โดยขอร้องสื่อ และทุกภาคส่วนให้ช่วยกันสร้างความเข้าใจกับประชาชนในประเทศว่าเข้าจะขัดแย้งต่อไปไม้ได้อีกแล้ว รวมถึงอธิบายเหตุผลที่ต้องระงับการเผยแพร่ของสื่อหลายช่อง เนื่องจากมีความจำเป็นในเรื่องความมั่นคง พร้อมกับขอให้ทุกคนอดทน