สั่งเรียกประชุมใหญ่กฤษฎีกา ตีความเลือก"ปธ.-รองวุฒิสภา"ขัดกม.22 พ.ค.
คกก.กฤษฎีกาเรียกประชุมใหญ่ ถกปมเปิดประชุมวุฒิสภาเลือก “ประธาน-รองฯ” ขัดพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2557 หรือไม่ วันที่ 22 พ.ค.นี้ เผย “นิวัฒน์ธำรง”สั่งตีความข้อกฎหมายเอง

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา นายนิพนธ์ ฮะกีมี รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ทำหนังสือแจ้งกรรมการกฤษฎีกาให้เข้าร่วมประชุมใหญ่ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมปรีดี พนมยงค์ ชั้น 3 อาคารสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อพิจารณาประเด็นข้อกฎหมายกรณีที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นประเด็นข้อกฎหมายกรณีการเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา คนที่สอง จะชอบด้วยพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2557 หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมวุฒิสภาเพื่อเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ซึ่งในการประชุมดังกล่าว ในส่วนของส.ว.เลือกตั้ง ได้พยายามขอให้ที่ประชุมเลือนวาระดังกล่าวออกไปก่อน
เนื่องจากการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภาอาจจะเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญที่กำหนดให้เฉพาะการเลือกกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คนใหม่ และกรรมการตุลาการศาลปกครองเท่านั้น
แต่สว.ฝ่ายสรรหาเห็นว่าควรดำเนินการเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งดังกล่าว เพราะวุฒิสภาควรมีประธานวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญ
เบื้องต้น มีการตัดสินด้วยคะแนนเสียงข้างมากของวุฒิสภา ปรากฏว่าที่ประชุมมีเสียงข้างมาก 96 ต่อ 17 คะแนน ให้วุฒิสภาดำเนินการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภาตามระเบียบวาระ
โดยผลการออกเสียงลงคะแนนปรากฏว่า นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานวุฒิสภา ขณะที่ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ สว.สรรหา เป็นรองประธานสภาคนที่ 1 นายพีระศักดิ์ พอจิต สว.อุตรดิตถ์ เป็นรองประธานสภาคนที่ 2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญดังกล่าว ระบุสาระสำคัญว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่นายกรัฐมนตรีนำความกราบทูลฯ ว่าในขณะนี้อยู่ระหว่างการยุบสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภาได้แจ้งว่ามีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐที่วุฒิสภาจะต้องประชุมเพื่อทำหน้าที่พิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่งตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญตามมาตรา 132 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย คือ การเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองตามมาตรา 226 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และการเลือกตั้งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ตามมาตรา 246 ประกอบกับมาตรา 206 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สมควรเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญตามมาตร 128 วรรคสาม เพื่อให้วุฒิสภาประชุมและปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 128 วรรคสามสี่และมาตราสี่ และมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2557"
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้เรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2557 เพื่อให้วุฒิสภาดำเนินการประชุมตามมาตรา 132 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อทำหน้าที่พิจารณาให้บุคคลตำแหน่งกรรมการผู้ทรงวุฒิในคณะกรรมการตุลาการศาลปกครองตามมาตรา 226 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตามมาตรา 246 ประกอบกับมาตรา 206 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2557
ผู้สนองพระบรมราชโองการ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
