ปฏิบัติการ"อาฟเตอร์ช็อค"ที่ชายแดนใต้... บึ้ม-เพลิงไหม้มุ่งทำลายย่าน ศก.
การลอบวางระเบิด เป็นวิธีที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้ใช้โจมตีเป้าหมายทั้งบุคคลและสถานที่มานานกว่า 10 ปี ขณะที่ "ระเบิดเพลิง" ก็เกิดขึ้นถี่ในรอบหลายปีมานี้
โดยเฉพาะการวางระเบิดเพลิงในร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ และซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ...
แต่การใช้ระเบิดที่มีทั้งเสียงและอานุภาพทำลายล้าง ควบคู่กับระเบิดเพลิง เริ่มเกิดขึ้นในระยะหลังๆ
โดยปกติการก่อเหตุในพื้นที่มักก่อแบบรวดเดียว อาจจะหลายๆ จุดพร้อมกัน หรือในห้วงเวลาใกล้เคียงกัน เพื่อให้เกิดผลทางจิตวิทยาว่ากลุ่มก่อความไม่สงบมีแนวร่วมอยู่ในพื้นที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก หลังเกิดเหตุรุนแรง พื้นที่นั้นก็จะเงียบ คล้ายผู้ก่อเหตุรอดูผล จากนั้นก็ไปก่อในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
ทว่าในปี 2557 นี้ เริ่มมีการก่อเหตุหลายชุดในพื้นที่เดียวกัน ดังเช่น เหตุระเบิดกลางเมืองยะลาเมื่อวันที่ 6-7 เม.ย. และเหตุป่วนกว่า 30 จุดใน 9 อำเภอเมื่อวันที่ 11-12 พ.ค.ที่ผ่านมา เพราะมีการก่อเหตุด้วยระเบิดขนาดใหญ่ จากนั้นผ่านไปหลายชั่วโมง ยังมีระเบิดเพลิงที่ทำให้เกิดไฟไหม้ซ้ำในพื้นที่เดิม กลายเป็นปฏิบัติการ "อาฟเตอร์ช็อค" ที่สร้างความหวาดกลัวถึงขั้น "หลอน" ให้กับประชาชน ขณะที่เจ้าหน้าที่เองก็ต้องวิ่งวุ่นไม่หยุดนานหลายชั่วโมงเพื่อระงับเหตุที่เกิดซ้ำซ้อนขึ้นมา
กรณีเหตุป่วน 9 อำเภอเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.ต่อเนื่องถึงเช้าวันจันทร์ที่ 12 พ.ค.ถือเป็นตัวอย่างสำคัญ มีการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายและความเสียหายจากระเบิด ตามด้วยระเบิดเพลิงจนเกิดเพลิงไหม้อาคารบ้านเรือนและห้างร้านต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส
ขณะที่เหตุระเบิด 7 จุดกลางเมืองยะลา เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ 6 เม.ย.ต่อเนื่องถึงเช้ามืดวันจันทร์ที่ 7 เม.ย. (จะสังเกตว่าเป็นวันอาทิตย์ต่อเนื่องถึงวันจันทร์เหมือนกัน) มีการลอบวางระเบิดขนาดใหญ่ทั้งคาร์บอมบ์และมอเตอร์ไซค์บอมบ์ก่อนช่วงบ่ายวันที่ 6 เม.ย. ตามด้วยการวางระเบิดเพลิงแบบตั้งเวลาเอาไว้ในโกดังเก็บสินค้าศรีสมัยค้าส่ง กระทั่งเกิดเพลิงไหม้ใหญ่ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 7 เม.ย.
ทั้งสองเหตุการณ์มีเป้าหมายเหมือนกัน คือ พุ่งเป้าโจมตีย่านการค้าและเศรษฐกิจของเขตเมือง โดยทั้ง อ.เมืองยะลา และ อ.สุไหงโก-ลก อยู่ในกลุ่มหัวเมืองเศรษฐกิจสำคัญที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สั่งคุมเข้มมาก่อนหน้านี้ ถือเป็นนโยบายในระดับรัฐบาลด้วยซ้ำ
แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) ให้ข้อมูลว่า การก่อเหตุจนเกิดเพลิงไหม้อาคารร้านค้า คนร้ายได้นำระเบิดแสวงเครื่องแบบปกติที่เราเคยเห็นในหลายเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มาประกอบเพิ่มเติมโดยการใช้ขวดหรือแกลลอนน้ำมันเชื้อเพลิงมาติดไว้กับระเบิดด้วย ทำให้เมื่อเกิดระเบิดขึ้นจะเกิดเพลิงไหม้ตามมา
อย่างกรณีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี และสุไหงโก-ลก เชื่อได้ว่าเป็นระเบิดในรูปแบบเดียวกันนี้ เพราะก่อนหน้านี้ในพื้นที่ จ.ยะลา ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสินค้าในช่วงเช้ามืดของวันที่ 7 เม.ย.พบว่าคนร้ายใช้ระเบิดตั้งเวลา แล้วใช้ขวดบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงตั้งติดไว้กับระเบิด เป็นการขยายอานุภาพของระเบิดให้เกิดเพลิงไหม้
"ระเบิดแบบนี้สามารถทำได้ตั้งแต่ระเบิดขนาดเล็กแบบไปป์บอมบ์ (ระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ท่อพีวีซี) แล้วนำมาพ่วงขวดน้ำมันเบนซิน ก็กลายเป็นระเบิดเพลิงแล้ว หรือจะเป็นระเบิดขนาดใหญ่ๆ ก็ทำได้ด้วยวิธีเดียวกัน"
เจ้าหน้าที่อีโอดีรายนี้ บอกต่อว่า จริงๆ แล้วรูปแบบระเบิดและการเกิดเพลิงไหม้สามารถเกิดขึ้นได้จากคาร์บอมบ์และมอเตอร์ไซค์บอมบ์ด้วย หากยานพาหนะทั้งสองประเภทมีน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ อย่างกรณีคาร์บอมบ์ย่านการค้ายะลาจนเกิดเพลิงไหม้สร้างความเสียหายอย่างหนักก็เพราะในถังน้ำมันรถมีน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่จำนวนหนึ่งด้วย
สำหรับการวางระเบิดรูปแบบนี้ เป็นที่ชัดเจนว่าเป้าหมายคือสร้างความเสียหายให้กับอาคารสถานที่และห้างร้านมากกว่าจะมุ่งเป้าสังหารตัวบุคคล การวางระเบิดลักษณะนี้หลายๆ จุดพร้อมกันและต่อเนื่องกัน โอกาสที่จะระงับเหตุได้ทันเป็นเรื่องยาก ระเบิดธรรมดาตูมเดียวเสียหายแค่ไหนก็แค่นั้น แต่ระเบิดแบบนี้ตูมเดียวเหมือนกัน แต่ยังลุกลามขยายความเสียหายต่อไปอีกได้
แหล่งข่าวคนเดียวกันบอกด้วยว่า ตั้งแต่เหตุระเบิดกลางเมืองยะลา (6-7 เม.ย.) เหตุระเบิดร้านสะดวกซื้อและโรงพักหาดใหญ่ (6 พ.ค.) จนมาถึงเหตุการณ์ระเบิดป่วน 8 อำเภอล่าสุด (อำเภอที่ 9 คือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เป็นเหตุยิง) ข้อมูลหลักฐานในที่เกิดเหตุชี้ชัดว่าผู้ก่อเหตุทั้ง 3 เหตุการณ์มีความเชื่อมโยงกัน เพราะโทรศัพท์มือถือที่คนร้ายใช้เป็นตัวจุดระเบิด พบสติ๊กเกอร์ชื่อร้านที่คนร้ายไปซื้อโทรศัพท์มาประกอบระเบิดเป็นร้านเดียวกันทั้ง 3 ครั้ง ร้านดังกล่าวตั้งอยู่ในตัวเมืองยะลา เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนขยายผลไปยังคนร้าย
มีความเป็นไปได้ว่า คนร้ายอาจซื้อคราวเดียวกันเป็นจำนวนมาก เพราะโทรศัพท์รุ่นนี้ที่ร้านดังกล่าวมีโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ภาพที่บันทึกได้จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด คนร้ายกำลังนำระเบิดที่ประกอบใส่ถังแก๊สพ่วงกับน้ำมันเชื้อเพลิง ไปวางตามบ้านเรือนประชาชนและร้านค้าใน อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เพื่อให้เกิดระเบิดและเพลิงไหม้ตามมา