นักวิจัยชุมชนหวั่น ‘บางกระเจ้า’ เจอโดมิโนเมืองล้อมพื้นที่เขียวสูญ
นักวิจัยชี้สร้างสำนึกไม่ขายที่ดินบ้านเกิดปัญหาโลกแตก เหตุเห็นคุณค่ามรดกเงินมากกว่าที่ดิน หวั่นอนาคต ‘บางกระเจ้า’ เจอเมืองล้อมพื้นที่เขียว ‘ศรีสุวรรณ’ เตรียมยื่นศาลปกครองเพิกถอนผังเมืองสมุทรปราการ หลังพบไม่ผ่านประชาพิจารณ์ ส่อขัดกม.
สืบเนื่องจากการประกาศใช้ผังเมืองรวมสมุทรปราการ พ.ศ.2556 ที่อาจส่งผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากพื้นที่สีเขียวสู่ชุมชนเมืองมากขึ้น ในพื้นที่บางกระเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ อันเกิดจากกฎหมายผังเมืองที่ไม่ผ่านการทำประชาพิจารณ์จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สัมภาษณ์ดร.สมนึก จงมีวศิน นักวิจัยชุมชนอิสระ ในฐานะนักขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมภาคตะวันออก กล่าวถึงผังเมืองรวมสมุทรปราการที่อาจกระทบวิถีชีวิตคนบางกระเจ้าว่า ตามปกติหากมีการประกาศใช้ เราสามารถยื่นขอแก้ไขได้ภายใน 90 วัน ซึ่งกรณีนี้เข้าใจว่าจะต้องมีใครได้ยื่นเรื่องขอแก้ไขแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่มีการดึงเรื่องจนถึงปัจจุบัน แต่ต้องสืบดูจากสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.สมุทรปราการ เนื่องจากตนเองไม่ได้ติดตามต่อเนื่อง
เมื่อถามถึงข้อกังวลอนาคตอาจขายที่ดินให้นายทุนจะสร้างจิตสำนึกรักษ์บ้านเกิดอย่างไร นักวิจัยชุมชนอิสระ ระบุเป็นปัญหาโลกแตกเหมือนกับจ.ชลบุรี ซึ่งเกิดจากคนกลุ่มนี้มองไม่เห็นคุณค่าในที่ดินเลย แต่กลับมองว่าสามารถเปลี่ยนแปลงมรดกที่ดินเป็นมรดกเงินได้ ซึ่งจากการตรวจสอบไม่ค่อยเห็นใครสามารถเก็บเงินจากการขายที่ดินได้เลย จนสุดท้ายก็ไม่มีที่อยู่อาศัย
“เมื่อมีการขายที่ดินซึ่งเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหาร เราก็ต้องซื้อของกินแทน ซึ่งจะทราบได้อย่างไรว่าปลอดภัย” ดร.สมนึก กล่าว และว่าหากชาวบ้านในพื้นที่เกิดความเข้าใจในฐานทรัพยากรมรดกจะเลี้ยงดูชีวิตได้อย่างมั่นคงและปลอดภัยแล้วก็สามารถลดจำนวนการขายที่ดินให้นายทุนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
นักวิจัยชุมชนอิสระ ยังกล่าวเปรียบเทียบอนาคตบางกระเจ้าอาจเกิดทฤษฎีโดมิโนเหมือนกับหลายจังหวัด ดังเช่นภาพวัดที่ถูกโรงงานล้อมในพื้นที่อมตะนคร เหตุการณ์ลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นกับบางกระเจ้าก็ได้ แต่ไม่ใช่ถูกโรงงานล้อม หากเป็นคอนโด อพาร์ทเมนท์ หรือแมนชั่น ล้อมแทน จนในที่สุดก็ไม่เหลือพื้นที่สีเขียวอยู่เลย เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “การยกกรุงเทพฯ มาไว้ที่บางกระเจ้า” เพียงแต่เรายังไม่รู้ตัวเท่านั้น
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวถึงการออกกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมสมุทรปราการว่าที่ผ่านมาไม่มีการจัดทำประชาพิจารณ์ให้ชาวบ้านหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับรู้ข้อมูล จึงขัดต่อรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 57 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การผังเมือง พ.ศ.2518 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ปี 2548
ดังนั้น การที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.สมุทรปราการ ไม่ได้ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย จึงเห็นสมควรที่จะต้องใช้อำนาจศาลในการเพิกถอนกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว โดยเตรียมยื่นเรื่องฟ้องสำนักงานโยธาฯ ต่อศาลปกครองกลางภายในเดือนพฤษภาคม 2557 ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมหนังสือมอบอำนาจจากชาวบ้าน คาดว่าจะมีผู้ฟ้องคดีราว 100 คน
“สำนักงานโยธาฯ จะต้องมีจดหมายเชิญชาวบ้านหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไปรับฟังความคิดเห็นอย่างน้อยกึ่งหนึ่งของแต่ละพื้นที่ แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมาหน่วยงานท้องถิ่นให้ส่งตัวแทนไปเพียง 1 คน จึงถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย” นายกฯ ต่อต้านโลกร้อน กล่าว และว่ากรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่ได้มีการประกาศขายบ้านก็เป็นสิทธิอันชอบธรรม แต่ที่เรากำลังดำเนินการอยู่เพื่อเรียกร้องให้การมีประชาพิจารณ์ก่อนการออกกฎหมาย .
ภาพประกอบ:อินเทอร์เน็ต