สุญญากาศไร้นายกฯ งบฯกองทุนสตรี ร่อยหรอ ครูประทีปวอนทุกรบ.สานต่อ
ประทีป อึ้งทรงธรรม ชี้เหตุ ยิ่งลักษณ์ พ้นตำแหน่งนายกฯ ส่งผลให้ขาดงบอุดหนุนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พร้อมวอนให้ทุกรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดมาสานต่อกองทุน ชี้ใช้งบฯปี 56 กว่า 6 พันล้านสมาชิกพอใจ
นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป ในฐานะประธานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษร์สำนักข่าวอิศราถึงการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ในระหว่างที่ไม่มีรัฐบาล อีกทั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกจากตำแหน่งไปแล้วว่า เนื่องจากกองทุนนี้ริเริ่มโดยอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเพิ่งดำเนินการได้เพียง 2 ปี จึงไม่สามารถทำเป็นกฎหมายพระราชบัญญัติได้ ซึ่งการไม่มีรัฐบาลในตอนนี้ทำให้การดำเนินการทุกอย่างล่าช้าลง
นางประทีป กล่าวถึงที่มาของงบประมาณกองทุนว่า มาจากเงินสองก้อน ได้แก่งบประมาณหมุนเวียนจากสมาชิกกองทุนและงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาล ซึ่งในตอนนี้มีเพียงแค่งบประมาณหมุนเวียนเท่านั้น เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีรัฐบาลที่สามารถให้งบอุดหนุนได้ ทั้งนี้ทางกองทุนได้วางแผนการดำเนินงานโดยมีการให้รางวัลเชิดชูกำลังใจของสมาชิก การอบรมการใช้สื่อไอทีและการค้าขายออนไลน์ และมีการรณรงค์หาสตรีไฟแรงเพื่อเป็นแบบอย่าง
"หากมีรัฐบาลใหม่เข้ามา ก็น่าจะหนุนงานพัฒนาผู้หญิง เพราะมีประชากรเกินครึ่งของประเทศ การที่รัฐบาลใหม่เข้ามาก็น่าจะมีการสานต่อไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลฝ่ายใดก็ตาม เนื่องจากเป็นสิ่งที่ดี" ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข้อมูลงบประมาณรายจ่ายปี 2556 ที่มีการตั้งงบฯ ให้กองทุนนี้ถึง 6,360 ล้านบาท และงบฯ ปี 2557 จำนวน 2,031 ล้านบาท ว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ นางประทีป กล่าวว่า โดยภาพรวมแล้วเห็นโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี จะมีบ้างที่มีปัญหาแล้วสื่อนำเสนอเฉพาะในแง่เดียวเท่านั้น ขณะที่สมาชิกส่วนใหญ่มีความพึงพอใจ และทยอยส่งเงินคืนเพื่อนำมาหมุนเวียน
ขณะที่นายธงชัย บุตรนุชิต ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาทุนและองค์กรการเงินชุมชน กล่าวถึงกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรีได้ออกจากตำแหน่งจะส่งผลต่อการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีหรือไม่ว่า ตามระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ผู้ใดที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็จะได้เป็นประธานกองทุนฯ ไปโดยตำแหน่ง แต่ไม่ได้มีผลต่อการจัดการเรื่องงบประมาณอุดหนุนแต่อย่างใด เนื่องจากยังมีคณะกรรมการกองทุนอยู่
“สำหรับงบประมาณปี 2557 ในตอนนี้ทางสำนักนายกรัฐมนตรีได้เจรจากับทางคณะกรรมการเลือกตั้งเพื่ออนุมัติงบฯอุดหนุนอยู่ ถ้าผ่านไปด้วยดีก็จะได้งบฯมาหนุนกองทุน คณะกรรมการกองทุนสามารถจัดการได้อยู่แล้ว” นายธงชัย กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวตรววจสอบ เว็บไซต์กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ที่มีการเผยแพร่รายงานข้อมูลการอนุมัติเงินทุนตั้งแต่ปี 2555- 2557 โดยเฉพาะรายงานการอนุมัติโครงการ ภาพรวมทั้งประเทศ ปี 2556 ใน 4 ภาค พบภาคที่ได้รับอนุมัติโครงการมากที่สุด คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมา ภาคกลาง เหนือ และใต้ ตามลำดับ
ซึ่งไม่แตกต่างจากรายงานข้อมูลการอนุมัติเงินทุน ภาพรวมทั้งประเทศ ที่สัดส่วนจำนวนเงินที่อนุมัติตกอยู่ที่ภาคกลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ เหนือ และใต้ ตามลำดับ
ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปี 2557 พบว่า ภาคใต้กลับไม่มีจำนวนเงินทุนอนุมัติ แตกต่างจากภาคกลาง ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือที่ยังคงมีอนุมัติและเบิกจ่ายอยู่