คำต่อคำ “นปช.” ปฏิเสธหารือวุฒิฯแก้วิกฤติการเมือง ซัดมีแผนตั้งนายกฯม.7
“…ผมได้แจ้งผ่านตัวแทนของนายสุรชัยว่า เรามิอาจเข้าร่วมหารือกับนายสุรชัยและคณะในประเด็นที่ขัดกับหลักการ ขัดกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญได้ และฝากคำเตือนไปยังนายสุรชัยว่า ถ้าคิดตอบแทนบุญคุณนายสุเทพ ซึ่งเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่รวบรวมเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.สายภาคใต้ ให้ได้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ก็น่าจะเป็นเรื่องตอบแทนส่วนบุคคล ไม่น่าเอาชาติบ้านเมือง เอาระบอบประชาธิปไตย เอาบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ไปรับใช้นายสุเทพด้วย…”
หมายเหตุ : เป็นเนื้อหาบางส่วนจากนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงข่าว นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ในการชุมนุมที่ถนนอักษะ พุทธมณฑล เพื่อตอบโต้กรณีกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กดดันนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา ให้ตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.
“ชัดเจนแล้วว่า ไม่ว่านายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และคณะมีมติออกมาเช่นใด ก็เป็นได้เพียงความคิดเห็นของส.ว.กลุ่มหนึ่งเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นความคิดเห็นที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ขัดต่อกฎหมายด้วยแล้ว เท่ากับว่าการประชุมนอกรอบในครั้งนี้ เป็นการประชุมเถื่อน ที่ผลิตมติเถื่อนออกมาสู่สังคม
พฤติการณ์ที่นายสุรชัย และคณะเปิดรับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เข้าไปหารือในรัฐสภา และมีท่าทีไปในทิศทางเดียวกันอย่างชัดแจ้งนั้น ก็เท่ากับว่าคณะส.ว.คณะนี้ มีใจเอนเอียงเข้าข้างบุคคลซึ่งมีหมายจับเป็นจำเลยในข้อหากบฏในราชอาณาจักร ไม่มีความจำเป็นที่หน่วยงานหรือองค์กรใด ๆ จะต้องปฏิบัติตามมติของส.ว.คณะนี้แต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่นายสุรชัยได้พยายามติดต่อประสานงานฝ่ายต่าง ๆ เพื่อให้ไปหารือด้วยนั้น นปช.ก็ได้รับการติดต่อจากนายสุรชัยเช่นกัน โดยบอกว่าจะขอหารือกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และผม ในนามตัวแทนของ นปช. เพื่อที่จะหาทางออกให้กับประเทศไทย ซึ่งเรายืนยันว่า ภาระหน้าที่ในการหาทางออกจากวิกฤติความขัดแย้งเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน และนปช.เต็มใจอย่างยิ่งที่จะร่วมมือกับทุกฝ่ายภายใต้หลักการประชาธิปไตย เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
แต่เนื่องจากคำเชิญชวนของนายสุรชัยนั้นยังมีข้อที่น่าสงสัยหลายประการ เช่น ทิศทางความคิดเห็นที่ออกมาชัดเจนว่า ส.ว.กลุ่มนี้ตัดสินใจไปแล้วว่าประธานวุฒิสภา สามารถนำเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรี โดยอาศัยมาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งเราไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิง และขัดกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน
ความเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ รังแต่จะตอกลิ่มความขัดแย้งแตกแยกในประชาชนคนไทยให้รุนแรงบานปลายมากขึ้น เพราะเป็นการกระทำที่ขัดกับหลักประชาธิปไตย นอกจากนี้สถานะของนายสุรชัย ตามกฎหมายก็ยังไม่ได้ชัดเจนว่า ขณะนี้ดำรงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา หรือดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา จากการลงมติ ซึ่งมีข้อถกเถียงมากมายกับการเปิดสมัยประชุมวิสามัญวุฒิสภา
ผมได้แจ้งผ่านตัวแทนของนายสุรชัยว่า เรามิอาจเข้าร่วมหารือกับนายสุรชัยและคณะในประเด็นที่ขัดกับหลักการ ขัดกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญได้ และฝากคำเตือนไปยังนายสุรชัยว่า ถ้าคิดตอบแทนบุญคุณนายสุเทพ ซึ่งเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่รวบรวมเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.สายภาคใต้ ให้ได้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ก็น่าจะเป็นเรื่องตอบแทนส่วนบุคคล ไม่น่าเอาชาติบ้านเมือง เอาระบอบประชาธิปไตย เอาบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ไปรับใช้นายสุเทพด้วย
แต่ถ้านายสุรชัย ประสงค์จะเจรจาหารือกับกลุ่มบุคคล หรือองค์กรใดก็ตาม นั่นเป็นเสรีภาพ แต่เราเรียนให้ทราบว่า หากข้อสรุปดังกล่าวจะนำมาสู่การทูลเกล้าฯรายชื่อนายกฯมาตรา 7 เราจะต่อต้านอย่างถึงที่สุด ทั้งบุคคลที่ปรากฏรายชื่อ และบุคคลที่ทำหน้าที่นำเสนอรายชื่อ ตลอดจนเครือข่ายองค์กรต่าง ๆ ที่สมคบคิดอยู่เบื้องหลัง เพราะท่านคือภัยร้ายแรงของระบอบประชาธิปไตย
อีกประการหนึ่งคือ ตั้งแต่เราเริ่มชุมนุมเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2557 ขณะนี้ยุทธศาสตร์การต่อสู้ยังปักหลักในฐานที่มั่น เพื่อประเมินสถานการณ์ของนายสุเทพ เรามีความเชื่อว่าเวลานี้ นายสุเทพก็มืดมนและตีบตันเต็มทีแล้ว และในไม่กี่วันข้างหน้า นายสุเทพก็อาจจะจนกลางกระดาน เพราะไม่สามารถผลักดันนายกฯนอกกฎหมายได้
ส่วนกรณีที่วันนี้ กปปส.แถลงการณ์ในทำเนียบรัฐบาล ก็ไม่มีเนื้อหาสาระอะไรใหม่ ไม่มีแนวทางอะไรที่สร้างการยอมรับจากประชาชน เป็นเพียงการแสดงสัญลักษณ์ว่า ขณะนี้ได้ยึดพื้นที่ตึกสันติไมตรีไว้เป็นกองบัญชาการเท่านั้น ไม่มีความหมายอื่น
ในเมื่อมีการชุมนุมของประชาชนจำนวนมาก เราก็คิดว่าในสถานการณ์ปักหลักยังฐานที่มั่นเพื่อประเมินกำลังของฝ่ายตรงข้ามนั้น ก็จะจัดให้มีกิจกรรมพิเศษ ซึ่งเป็นการร่วมมือร่วมใจระหว่างแกนนำนปช. คนเสื้อแดง และคนรักประชาธิปไตย
ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2557 เวลา 08.00 น. เราจะร่วมกันลงแรง ลงมือ รวมหัวใจ สร้างให้ถนนอักษะแห่งนี้เป็นถนนประวัติศาสตร์เพื่อประชาธิปไตย เราจะใช้พื้นที่คูคลองซึ่งคั่นกลางระหว่างสองฟากถนน ตั้งแต่บริเวณหน้าเวที ตรงยาวไปจนสุดถนนพุทธมณฑลสาย 4 โดยจะติดป้ายข้อความทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ รณรงค์ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ ต่อต้านการรัฐประหาร และต่อต้านนายกฯเถื่อนอย่างเต็มที่
โดยจะมีการแบ่งโซนพื้นที่ให้มวลชนแต่ละภาครับผิดชอบการตกแต่งบริเวณของตัวเอง ส่วนป้ายข้อความ และวัสดุอุปกรณ์นั้น ทางเวทีจะจัดเตรียมไว้ให้ 7 กลุ่ม คือ กลุ่มภาคเหนือ กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มภาคกลาง กลุ่มภาคใต้ กลุ่มภาคตะวันออก กลุ่มภาคตะวันตก และกรุงเทพมหานคร
เราคาดการณ์กันว่า หากลงมือร่วมกันจะเสร็จได้ไม่เกิน 17.00 น. ของวันเดียวกัน หลังจากนั้นจะเชิญสื่อทุกสำนักจัดทีมงานถ่ายทำภาพทางอากาศ เพื่อให้เห็นว่า บัดนี้ถนนอักษะ เป็นสัญลักษณ์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของคนไทย ให้ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลกด้วย”
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก talkystory