เปิดเส้นทางรัก ‘บิลลี่&มุนอ’ ก่อนหายตัวปริศนากลางแก่งกระจาน
เปิดเส้นทางรักอันหวานซึ้งของวีรบุรุษแห่งผืนป่าแก่งกระจาน ‘กะเหรี่ยงบิลลี่&มุนอ’ ก่อนหายตัวปริศนาร่วมเดือน อ้อนวอนทุกฝ่ายช่วยตามหาคืนกลับแผ่นดินเกิด
“อันที่จริงเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เคยเล่าให้คนอื่นฟังเลย แต่จะมาเล่าวันนี้เป็นวันแรก”
เสียงหัวเราะสลับกับเสียงปรบมือดังลั่นเวทีจัดงาน ‘เราทุกคนคือบิลลี่:WE ALL BILLY’ ณ ห้องประชุม ชั้น 1 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ทันทีที่สิ้นเสียงใสของ ‘มุนอ’ พิณนภา พฤกษาพรรณ วัย 27 ปี ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของ ‘บิลลี่’ พอละจี รักจงเจริญ วัย 30 ปี นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน แกนนำกะเหรี่ยงบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
พวกเขาครองคู่กันมาอย่างมีความสุข โดยมีพยานรักร่วมกัน 5 คน คนโตอายุ 10 ขวบ ตามมาด้วย 9, 7, 4 เเละ 1 ขวบ เเต่ทันทีที่บิลลี่หายตัวไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 ภายหลังถูกจับกุมจากเจ้าหน้าที่อุทยานเเห่งชาติเเก่งกระจาน เเละยังไม่ทราบชะตากรรมจนถึงปัจจุบัน เธอจึงต้องรับบทบาทเป็นทั้งพ่อเเละเเม่ในคราวเดียวกัน
มุนอ ย้อนเล่าถึงเส้นทางรักว่า เธอเรียนอยู่โรงเรียนป่าเด็งวิทยา ส่วนพี่บิลลี่เรียนอยู่โรงเรียนท่ายางวิทยา ครั้งหนึ่งมีการจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติขึ้น อาจารย์จึงให้พี่บิลลี่รับผิดชอบจัดหาชุดกะเหรี่ยงจากหมู่บ้านป่าเด็ง และเมื่อได้พบเขา ‘พี่เด็กหญิง’ ซึ่งเป็นพี่ชายเธอจึงแนะนำให้รู้จักว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีและเรียนเก่งมาก
พี่บิลลี่เดินเข้ามาทักทายว่า “นี่ใช่น้องสาวพี่เด็กหญิงหรือเปล่า” ก่อนที่จะตอบกลับไปว่า “ใช่”
มุนอ เล่าต่อว่า เมื่อพี่บิลลี่เดินจากไป เธอก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับเขา จนกระทั่งวันหนึ่งพี่เด็กหญิงมาพักที่บ้าน และก่อนจะเดินทางกลับอ.ท่ายาง พี่ก็ย้ำให้เธอโทรหา แต่เมื่อโทรไปครั้งใดพี่ก็ไม่เคยรับโทรศัพท์เลย มีเพียงแต่บิลลี่เป็นคนรับแทน
“ทำไมหนอ พี่เด็กหญิงไปไหนหนอ ถึงมีแต่เด็กที่ชื่อบิลลี่รับสายอยู่เรื่อย” เธอรำพึงในใจตอนนั้น
จึงนึกตลกขึ้นมา ด้วยเคยรู้มาว่าพี่บิลลี่กำลังอยู่ในอาการอกหัก จึงแกล้งถามเขาไปว่า “ได้ข่าวว่าอกหักอยู่ใช่ไหม เดี๋ยวตอกอกให้เอาไหม” สิ้นประโยค เสียงเฮดังลั่นห้องประชุมอีกครั้ง ทำเอาผู้ฟังยิ้มแก้มปริกันเป็นแถว ไม่แตกต่างจากเธอที่มีอาการเขินอายเช่นกัน
มุนอ เล่าต่อไปว่า จากวันนั้นพี่บิลลี่ได้มาหาเธอพร้อมกับพี่เด็กหญิงอีกครั้ง เมื่อแม่รับรู้จึงบอกผ่านเธอว่าให้พาเขามาหาแม่ และเมื่อได้พบเจอกัน ฝนได้ตกลงมาพอดี แม่เลยให้พี่บิลลี่พักค้างคืนที่บ้าน
ฟากพี่บิลลี่ก็ได้ไปบอกกับแม่ของเขาด้วยเหมือนกันว่าเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่หมู่บ้านป่าเด็ง จนกระทั่งเราทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
เมื่อถามว่าประทับใจบิลลี่ตรงไหน ‘มุนอ’ ยิ้มเขินอายก่อนตอบว่า พี่บิลลี่เป็นคนที่พร้อมทุกอย่าง เป็นคนดี ชอบช่วยเหลือสังคม โดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทน จนสามารถฝากชีวิตไว้กับเขาได้
“พี่บิลลี่เล่าว่าได้ไปช่วยเหลือชาวบ้านโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ซึ่งหนูไม่เคยบ่นเลย เพราะหากเขาทำแล้วมีความสุข เราก็มีความสุขไปด้วย”
พี่บิลลี่เคยพูดกับเธอว่า เขาไม่มีกำลังใจที่ไหนจากใคร นอกจากภรรยาของเขาคนเดียว
แต่เมื่อเหตุการณ์กลับพลิกผันจากครอบครัวที่เคยอยู่พร้อมหน้ากันอย่างมีความสุข วันนี้ไม่มีบิลลี่เสียแล้ว มุนอ บอกว่า ต้องรับผิดชอบครอบครัวแทนเขาทั้งหมด เราทำงานทุกอย่างทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน ซึ่งตั้งแต่เขาหายตัวไป ลูกคนที่ 4 ถามเธอเสมอว่าพ่อไปไหน เมื่อไหร่จะกลับมา
“ต้องบอกลูกตามความจริงว่าพี่บิลลี่ถูกจับตัวไป ยังหาไม่เจอ”
ส่วนอนาคตจะตามหาบิลลี่วิธีใดต่อนั้น เธอตอบเสียงสั่นว่า ไม่รู้จะทำอย่างไร หากมีผู้ที่ช่วยเราได้ก็อยากให้เขาช่วยตามหาพี่บิลลี่กลับมาหาเธอไว ๆ
“ไม่รู้ว่าพี่บิลลี่จะอยู่ที่ไหน จะมีชีวิตอยู่รอดหรือไม่ แต่หากเขาได้กลับมาประโยคแรกที่จะพูด คือ ‘ขอบคุณพระเจ้ามากที่ไว้ชีวิตพี่บิลลี่’ ” เธอทิ้งท้ายอย่างน่าเห็นใจ
เชื่อว่าพระเจ้าจะได้ยินประโยคนี้...