“นพ.ประเวศ” แนะปฏิรูปการศึกษา เปลี่ยนกระบวนทัศน์ออกจากตำรามุ่งสู่ชีวิตจริง
ประเทศไทยปฏิรูปการศึกษามาหลายครั้งล้มเหลว หมอประเวศ ชี้เหตุไม่ปรับกระบวนทัศน์ เรียนรู้อยู่เพียงในตำรา ยันต้องย้ายฐานการเรียนรู้ใหม่ สู่ชีวิตจริง
วันที่ 6 พฤษภาคม 2557 สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.)ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายเพื่อนปฏิรูปการเรียนรู้จัดงานประชุมวิชาการ “อภิวัฒน์การเรียนรู้สู่จุดเปลี่ยนประเทศไทย” ระหว่างวันที่ 6-8 พฤษภาคม 2557 โดยมีศาสตราจารย์ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโสเป็นประธานกล่าวเปิดงาน และปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “สร้างจุดเปลี่ยนประเทศไทย จากการปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อคนทั้งมวล” ณ อิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี
นพ.ประเวศ วะสี กล่าวถึงความขัดแย้งของวิกฤติทางการเมือง มีสิ่งที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในประเทศไทย คือการที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า ประเทศต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปฏิรูปประเทศ แม้แต่ฝ่ายที่ทะเลาะกันขัดแย้งกันก็เห็นตรงกันว่าประเทศต้องมีการปฏิรูป
"หลายปีที่ผ่านมาคนไทยไม่เคยมีวัตถุประสงค์ตรงกันมีแต่วัตถุประสงค์ส่วนตัวของกลุ่ม องค์กร สถาบัน ที่แตกต่างและทอนกำลังกันทำให้ไม่มีพลังแห่งชาติในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า บัดนี้มาถึงจุดที่คนไทยทุกฝ่ายมีวัตถุประสงค์ตรงกันว่าต้องปฏิรูป เพราะฉะนั้นจะเกิดเป็นพลังของการเปลี่ยนแปลงและเป็นจุดเปลี่ยนของประเทศ ความเห็นที่ตรงกันนั้นไม่ยาก แต่สิ่งที่ยากคือวิธีการ และการที่เราไม่ประสบความสำเร็จในการปฏิรูป เพราะเราใช้วิธีการเก่าๆในการแก้ปัญหาใช้อำนาจในการจัดการ"
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า สังคมไทยหรือสังคมประเทศต่างๆคุ้นเคยกับการใช้อำนาจในการแก้ปัญหา แต่สังคมในปัจจุบันนี้มีความแตกต่างจากสังคมโบราณอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากมีความซับซ้อนมากทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง จึงยากที่จะเข้าใจ ยากที่จะแก้ปัญหา และในความซับซ้อนนี้การใช้อำนาจมักไม่ได้ผล
นพ.ประเวศ กล่าวถึงสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ๆ ได้เคยบอกกล่าวว่า การจัดการสังคมอย่าใช้อำนาจในการจัดการ เพราะจะไม่เป็นผลและจะเกิดสิ่งแทรกซ้อน แต่ให้เปิดพื้นที่ทางสังคม เปิดพื้นที่ทางปัญญาให้กว้างขวาง เปิดให้คนเข้ามาเรียนรู้ เพื่อให้พื้นที่ทางสังคมมีพลัง แต่ก็เป็นเพียงคนส่วนน้อยเท่านั้นที่มีบทบาทเนื่องจากระบบราชการออกแบบมาเพื่อใช้อำนาจในการควบคุม จึงทำให้การเปิดพื้นที่ทางสังคมในช่วงนั้นไม่ได้ผล จึงจำเป็นจะต้องมีองค์กรใหม่ๆ เกิดขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนการเปิดพื้นที่ทางสังคมอย่างกว้างขวาง
"สังคมที่ใช้แต่อำนาจจะเดินไปไม่ได้จำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูป เปิดการมีส่วนร่วมให้คนทั้งหมดเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง" ราษฎรอาวุโส กล่าว และว่า เครื่องมือสำคัญ เรื่องการเรียนรู้และโครงสร้างที่วิจิตรที่สุดในจักรวาลคือเซลสมองของมนุษย์ที่แต่ละคนมี เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด มีศักยภาพในการเรียนรู้และสามารถจะเรียนรู้ให้บรรลุอะไรก็ได้ หากคนไทย 65 ล้านคนเป็นบุคคลเรียนรู้ มีกระบวนการเรียนรู้ที่ดีและมากกว่าการท่องหนังสือจะทำให้คนในประเทศมีศักยภาพและเกิดพลังจิตสำนึกเหมือนพลังนิวเคลียร์
ส่วนมหาวิทยาลัย นพ.ประเวศ กล่าวด้วยว่า เป็นดินแดนแห่งความทุกข์ ขัดแย้งในตัวเอง ขัดแย้งในองค์กร กระบวนการเรียนรู้ไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงควรปฏิรูปการเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เกิดอิสรภาพ ความสุข เกิดไมตรีจิตอันไพศาล เกิดความรักเพื่อนมนุษย์และสรรพสิ่งทั้งหลาย นี่ต่างหากคือการเรียนรู้ที่ดี
"ประเทศไทยปฏิรูปการศึกษามาหลายครั้งแต่ไม่เคยประสบความสำเร็จสาเหตุเพราะเราไม่เคยปรับกระบวนทัศน์ ปฏิรูปครั้งใดก็ใช้กระบวนทัศน์เดิมที่มีฐานเรียนรู้อยู่เพียงในตำรา ต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์ใหม่ย้ายฐานการเรียนรู้มาเรียนรู้ในความจริงของชีวิตเป็นชีวิตจริงปฏิบัติ”