“ธาริต-ภราดร” กปปส.ใช้ “พนง.รัฐวิสาหกิจ” พังระบบสาธารณูปโภคจริงหรือ?
“ศอ.รส.จะ ไม่ยอมให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปล่อยปละละเลยเด็ดขาด ซึ่งแนวทางการดำเนินคดีมีดังนี้ 1.กฎหมายรัฐวิสาหกิจ 2.ความผิดฐานให้การสนับสนุนข้อหากบฏ 3.ฝ่าฝืนคำสั่งของศอ.รส. เราต้องเล่นเฉียบขาดเลยเอาจริง”
ตามจังหวะที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ประกาศรวมพลเผด็จศึก “รัฐบาล” ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2557 โดยนัดรวมพลแบบอุ่นเครื่องก่อนในวันที่ 5 พฤษภาคม 2557
ทำให้ “ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย” (ศอ.รส.) อยู่นิ่งไม่ได้ เตรียมพร้อมทั้งกำลังพล-เครื่องมือ-ยุทธโธปกรณ์ และมีข่าวแว่วมาว่าอาจจะเตรียมประกาศ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” อีกคำรบหนึ่ง
ทว่าก่อนเหตุการณ์การชุมนุมจะถึงจุดพีค “ศอ.รส.” ชิงจังหวะทำ “สงครามข่าวสาร” ด้วยการปูดข่าว “กปปส.” เตรียมจับมือ “พนักงานรัฐวิสาหกิจ” พังระบบสาธารณูปโภค
ซึ่งก่อนหน้านี้ “สุเทพ” ได้นำมวลชนไปเยี่ยมรัฐวิสาหกิจกว่า 10 แห่ง เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การประปานครหลวง (กปน.) การบินไทย เป็นต้น
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org จึงต่อสายไปยัง “ธาริต เพ็งดิษฐ์” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะเลขานุการศอ.รส. และ “พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาศอ.รส. ประเมินสถานการณ์การชุมนุมของ “กปปส.”
“ธาริต” เปิดฉากกล่าวว่า ตอนนี้ยังเปิดเผยชื่อของรัฐวิสาหกิจที่จะเข้าร่วมมือกับกปปส.ไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดความระส่ำระส่าย อาจจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนกได้ แต่ศอ.รส.ต้องออกมาเตือนรัฐวิสาหกิจที่เข้าข่ายจะร่วมมือกับกปป.ไว้ก่อน
“เราเกรงว่ากปปส.จะขอช่วยพนักงานรัฐวิสาหกิจทำการไม่สมควร เป็นเครื่องมือสร้างเงื่อนไข เช่น ด้านไฟฟ้า การประปา การปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดเป็นข้อมูลทางการข่าว” ธาริต กล่าว
“ธาริต” ระบุต่อว่า ศอ.รส.ออกคำสั่งให้ทุกรัฐวิสาหกิจต้องจัดทำแผนเตรียมความพร้อมหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินในวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 ซึ่งต้องย้ำว่าเป็นคำสั่ง เมื่อเป็นคำสั่งหากมีรัฐวิสาหกิจไม่ทำก็ต้องมีบทลงโทษ
“ศอ.รส.จะไม่ยอมให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปล่อยปละละเลยเด็ดขาด ซึ่งแนวทางการดำเนินคดีมีดังนี้ 1.กฎหมายรัฐวิสาหกิจ 2.ความผิดฐานให้การสนับสนุนข้อหากบฏ 3.ฝ่าฝืนคำสั่งของศอ.รส. เราต้องเล่นเฉียบขาดเลยเอาจริง” ธาริต กล่าว
เมื่อถามว่า รัฐวิสาหกิจที่ศอ.รส.ต้องเฝ่าระวังเป็นพิเศษ คือรัฐวิสากิจที่นายสุเทพ เดินทางไปเยี่ยมใช่หรือไม่ “ธาริต” ยอมรับว่า “ใช่ครับ คงต้องเป็นอย่างนั้นครับ เพราะถ้าเชื่อมโยงแล้วหากจะทำอะไรเขาคงขอกันได้”
เมื่อถามว่า ประเมินการชุมนุมของกปปส.จะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมเท่าไร “ธาริต” ระบุว่า “ยังไม่ได้ประเมิน อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล แต่ไม่ขอบอกตัวเลข เดี่ยวเป็นการส่งเสริมยั่วยุ”
ด้าน “พล.ท.ภราดร” ระบุว่า ยังไม่มีการเตรียมการถึงขั้นต้องพังระบบสาธารณูปโภค แต่การชุมนุมใหญ่ทุกครั้งก็มักจะมีข่าวว่าจะตัดน้ำ ตัดไฟ ออกมาตลอด ทางศอ.รส.จึงต้องเตรียมความพร้อมไว้ก่อน จึงสั่งให้ทุกรัฐวิสาหกิจจัดทำแผนรับมือ
“จุดแข็งของกปปส.คือการมีสหภาพรัฐวิสาหกิจเข้าร่วมด้วยหลายคน ศอ.รส.จึงต้องตั้งสมมุติฐานในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ก่อน เพราะจะได้รับมือทัน ประชาชนจะได้ไม่เดือดร้อน ศอ.รส.ต้องดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ตัดน้ำ ตัดไฟ เป็นอันขาด” พล.ท.ภราดร กล่าว
“พล.ท.ภราดร” กล่าวถึงโครงสร้างของสภาพรัฐวิสาหกิจว่า “ต้องยอมรับว่าสหภาพรัฐวิสาหกิจ คนในองค์กรยังมีความเข้มแข็งมาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเครือข่ายของคนเสื้อเหลือง มีแกนนำเก่าแก่ ซึ่งมีอิทธิพลทางความคิด แต่ก็มีหลายคนที่ไม่เห็นด้วย เราจึงต้องคัดแยกคนเหล่านี้”
“ผมเชื่อว่าแกนนำรัฐวิสาหกิจเคลื่อนไหวมานาน จึงมีความสัมพันธ์กับอุดมการณ์ทัศนะทางการเมือง แต่หวังว่าเขาคงไม่ทำร้ายประชาชน เพราะเขาคงมีจิตวิญญาณในการบริการประชาชน แต่ในฐานะความมั่นคงคงไม่ประมาท”
เมื่อถามว่า ประเมินผู้ชุมนุมของกปปส.ไว้จำนวนเท่าไร พล.ท.ภราดร ระบุว่า “ยังประเมินได้ไม่ชัดเจน ต้องรอเช็คกำลังวันที่ 5 พฤษภาคม ก่อน ว่าจะมีมวลชนต่างจังหวัดเข้ามาเท่าไร มวลชนจากกทม.มีจำนวนเท่าไร”
ทั้งหมดคือการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของ “กปปส.” จากปากคำของ “ศอ.รส.” ในวันที่ต้องตัดแขน-ตัดขา-ตัดกำลัง “กปปส.” ให้ได้มากที่สุด