“กิตติรัตน์” ยันใช้งบจำนำข้าวไม่เยอะ อ้างกก.ปิดบัญชีรายงานไม่ตรง
“กิตติรัตน์” เผยใช้งบโครงการจำนำข้าวไม่เยอะ เมื่อเทียบกับประกันราคาข้าวสมัย “อภิสิทธิ์” ระบุสมมติฐานของ “ป.ป.ช.” คลาดเคลื่อน อ้างข้อมูลของกรรมการปิดบัญชีรายงานไม่ตรง สต็อกบางส่วนไม่ได้บันทึก ลั่นไม่ว่าองค์กรใหญ่ระดับไหนในโลกก็มีการทุจริตระดับล่าง ยันมีการตรวจสอบทุกขั้นตอน ใครผิดโดน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2557 เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เข้าให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะพยานน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กรณีไม่ระงับยับยั้งโครงการทุจริตจำนำข้าว
เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. นายกิตติรัตน์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการเข้าให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า ตนใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในการเข้าให้ถ้อยคำชี้แจงกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในประเด็นการดำเนินโครงการ วินัยการคลัง และการใช้วงเงินงบประมาณ ซึ่งก็ตอบได้ตามข้อกำหนดทุกอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการประมาณการความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ต้องเรียนว่าได้ให้ข้อมูลตอนมีรายงานของคณะกรรมการปิดบัญชี ในช่วงแรกซึ่งนำไปสู่ข้อเสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะชี้มูลตอนต้นเดือนตุลาคมปี 2554 ซึ่งเรายังไม่ได้เริ่มโครงการ แต่ในเรื่องของการดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2547 – 2548 ก็มีรายงานการขาดทุนค้างอยู่ ดังนั้นการที่จะเข้าใจยอดที่เป็นภาระของการดำเนินโครงการต้องเข้าใจการปิดบัญชีให้ดีเสียก่อน
“การรายงานบัญชี ก็มีการตั้งสมตติฐานมูลค่าที่ค้างสต็อกอะไรต่าง ๆ แต่สมมติฐานบางอย่างก็เป็นเรื่องไม่ตรงความเป็นจริง นอกจากนี้ในส่วนของสต็อกก็มีรายงานไม่ตรงกันอีก และบางส่วนก็ไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ จริง ๆ การรายงานในลักษณะนี้ ก็จะเป็นการตั้งสมมติฐานซึ่งไม่ตรงความเป็นจริง แต่ได้เรียนไปว่ามีการตั้งงบประมาณเพียงพอที่สอดคล้องกับการทำจริง” นายกิตติรัตน์ กล่าว
นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า การตั้งงบประมาณของการดูแลโครงการก็ไม่ได้มากมายเกินเลย เมื่อเทียบกับโครงการประกันราคาข้าวของรัฐบาลก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่มีการขาดทุน เพราะว่าไม่มีการขาย แต่ว่าเป็นการจ่ายส่วนต่างของราคาตลาดให้กับชาวนาทุกคนที่มาขึ้นทะเบียน แต่ถ้าไปขึ้นทะเบียนได้ ที่นาก็มี จะปลูกจริงหรือไม่ก็ไม่ทราบ เพราะเมื่อขึ้นทะเบียนได้แล้ว ก็จะได้รับเงินชดเชย ดังนั้นการตรวจสอบจึงทำได้ยากกว่า
“แม้โครงการรับจำนำข้าวอาจยากหลายขั้นตอน แต่ก็มีกระบวนการที่ตรวจสอบได้ และมีการบริหารจัดการอย่างเข้มงวด ซึ่งในข้อกล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์เรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ ขอเรียนว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายที่เสนอไว้ต่อสภาผู้แทนราษฎร และประชาชน เราต้องดำเนินการตามนั้น” นายกิตติรัตน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีมีการกล่าวหาว่าโครงการรับจำนำข้าวเกิดการทุจริต นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การดำเนินการเรื่องใด ๆ จะมีหลายขั้นตอน และมีความเป็ฯไปได้ที่คนในระดับภาคปฏิบัติจะกระทำการไม่สุจริต แม้แต่องค์กรเอกชนนานาชาติใหญ่ ๆ ของโลก หรือของประเทศ ในการที่จะมีคนในระดับปฏิบัติที่อดกลั้นไม่ให้ทำเรื่องดังกล่าวก็ยังถือเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ดีกลไกของโครงการรับจำนำข้าวมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และสามารถตรวจสอบดูได้ ดังนั้นถ้ามีใครในระดับปฏิบัติกระทำการทุจริต ก็มีโอกาสจะโดนได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าโครงการดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายเท่าไหร่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า เรามีข้าวอยู่ในสต็อกประมาณ 15 – 16 ล้านตัน และในจำนวนนี้มีข้อตกลงเตรียมขายอยู่ประมาณ 5 ล้านตัน มีส่วนรองรับและอยู่ในขั้นเจรจาเตรียมขายประมาณ 3 ล้านตัน ดังนั้นสุทธิข้าวสารในสต็อกส่วนที่จะดำเนินการต่อไปมีประมาณ 7 ล้านตัน ซึ่งไม่ได้เป็นภาระมากจนเกินไป รวมไปถึงการคำนวณรายจ่ายงบประมาณเพื่อดูแลโครงการนี้คงใช้กรอบวงเงินไม่เกิน 100,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งน้อยมาก ไม่ถึงร้อยละ 5 ของงบประมาณประจำปีเลย
“การดูแลชาวนา 3.7 ล้านครัวเรือนนั้น การใช้งบประมาณในการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนกลุ่มนี้เป็นไปอย่างเหมาะสม ก็ไม่ใช่เรื่องเกินเลย แม้หลายคนอาจไม่ค่อยคุ้นกับการใช้เงินหลักหมื่น – แสนล้านบาทก็ตาม แต่ผลประโยชน์ก็ตกอยู่กับชาวนา” นายกิตติรัตน์ กล่าว
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ว่าอนาคตจะตัดสินใจอย่างไรต่อไปกับโครงการนี้นั้น คงตอบไม่ได้ เพราะเป็นเพียงรัฐบาลรักษาการ แต่จำเป็นต้องดำเนินการต่อไปด้วยวิธีที่เหมาะสมตามสภาวะเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. เครือข่ายชาวนนทบุรีปกป้องความเป็นธรรมและประชาธิปไตย (คนป.) เดินทางมารวมตัวกันหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. โดยมีตัวแทนขึ้นปราศรัยบนรถขยายเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. รวมไปถึงระบุว่า ขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ลาออกจากตำแหน่ง และหากไม่มีความคืบหน้า กลุ่มคนป.จะกลับมาชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 22 เมษายน นี้