คำต่อคำ “เฉลิม-สุรพงษ์” ชง “ครม.” ทูลเกล้าฯคดี “ยิ่งลักษณ์” ไม่ก้าวล่วง
“ถามว่าพวกคุณตะบี้ ตะบันจะใช่มาตรา7แล้วระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ แล้วมันทำไม่ได้ แต่ของผมเป็นเรื่องทำได้ คนเรามีความรู้เหมือนกัน แต่ความชำนาญไม่เหมือนกัน ทั้งนายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และผม เฉพาะตัวบุคคลที่ถนัดกฎหมายเหนือกว่าพรรคประชาปัตย์คนละชั้น”
ทันทีที่ "ศูนย์อำนวยความรักษาความสงบเรียบร้อย" (ศอ.รส.) ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เรื่อง ข้อเรียกร้องต่อฝ่ายต่างๆ เพื่อการแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อย ก็มีข้อท้วงติงมายังศอ.รส.
โดยเฉพาะแถลงการณ์ที่แนะนำให้ "รัฐบาล" ภายใต้การนำของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ทูลเกล้าฯขอพระบรมราชวินิจฉัยว่าคณะรัฐมนตรีต้องพ้นจาก การอยู่ในตำแหน่งตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกินจากรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในทันที "ศาลรัฐธรรมนูญ" ตัดสินคดีโยกย้าย "ถวิล เปลี่ยนศรี"
เมื่อคำถามพุ่งตรงไปยังศอ.รส.ว่าแถลงการณ์ดังกล่าวสามารถทำได้หรือไม่-ก้าวล่วงหรือไม่ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org จึงรวบรวมคำให้สัมภาษณ์ของ 2 บิ๊กศอ.รส. ชนิดคำต่อคำมานำเสนอ
“ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.)
ผมคิดว่าไม่เป็นการก้าวล่วง เพราะเป็นข้อเสนอแนะ พวกผมมาทำหน้าที่ตรงนี้และรู้ว่าอะไรจะเกิดกับบ้านเมือง ซึ่งจะเกิดความเสียหายคนไทยจะฆ่ากัน ผมมีความจำเป็นต้องบอกทุกภาคส่วน แต่ถ้าทุกภาคส่วนฟังแล้วไม่สนใจและเมื่อเกิดเหตุการณ์ล้มตายขึ้นมาก็จะเกิดตราบาปของภาคส่วนนั้น ผมไม่มีส่วนได้เสีย อย่าเข้าใจผิดว่าศอ.รส.ทำงานให้รัฐบาลอย่างเดียว เราคำนึงถึงความปลอดภัยความสามัคคีของประชาชนทั้งชาติ
“ถามว่าพวกคุณตะบี้ตะบันจะใช่มาตรา7แล้วระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ แล้วมันทำไม่ได้ แต่ของผมเป็นเรื่องทำได้ คนเรามีความรู้เหมือนกัน แต่ความชำนาญไม่เหมือนกัน ทั้งนายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และผม เฉพาะตัวบุคคลที่ถนัดกฎหมายเหนือกว่าพรรคประชาปัตย์คนละชั้น” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
@ นายกฯจะเห็นด้วยกับแนวทางของศอ.รส.หรือไม่
จะบังคับท่านได้อย่างไร แต่เราเห็นว่าแนวทางนี้จะดี แต่ถ้านายกฯระบุว่าไม่เห็นด้วยก็เป็นดุลยพินิจของท่าน ยืนยันว่าผมทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อบ้านเมืองไม่ได้ทำเพื่อคนหนึ่งคนใด ขอให้เชื่อว่าถ้าหากไม่ยึดแนวทางของศอ.รส.จะต้องฆ่ากันแน่ ผมจะสั่งจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.เมื่อไรก็ได้เพราะมีอำนาจเต็ม แต่ผมรู้ว่าถ้าไปจับจะยิงกันเพราะนายสุเทพ มีการ์ดเป็นพันคน พอยิงกันก็ตาย แต่ผมไม่ได้ได้ตายเพราะไม่ได้เป็นคนไปจับ แต่ถ้านายสุเทพตาย การเมืองมันขาดสีสัน
@ จะเป็นการกดดันศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
ด้วยความเคารพตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งหลาย หลายคนรักกับตนมาก ถ้าเป็นการกดดันผมก็สามารถทำในนามส่วนตัวได้ แต่ผมให้เกัยรติไม่เคยติดต่อรักกันปานจะกลืนกิน ถ้าไม่จริงฟังข่าวแล้วออกมาปฏิเสธเลย ทั้งนายชัช ชลวร นายจรัญ ภักดีธนากุล ถ้าดูตามรายชื่อแล้วศาลรัฐธรมนูญไม่มีใครกดดันได้ ยืนยันว่าแนวคิด ศอ.รส.ไม่ใช้แนวคิดเผด็จการ โดยส่วนตัวเห็นว่าอยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้ง และใช้เวลา 3-6 เดือนปฏิรูป เมื่อเป็นที่พอใจทุกฝ่ายก็จัดเลือกตั้งใหม่ เป็นวิธีการสากล
“แต่แนวทางกลุ่มกปปส.เป็นแบบเผด็จการไม่มีทางชนะ ผมไม่สามารถวิเคราะห์การยื้อเวลาจัดการเลือกตั้งของกกต.ได้แต่กกต.มี 5 คนมีพูดมากอยู่คนเดียว นายสมชัย ศรีสุทธยากร กรรมการกกต. ควรจะอยู่เฉยๆบ้างแล้วทำหน้าที่ของตัวเอง ที่ผ่านมาผมพยายามเสนอทางออกดังกล่าว หากไม่ทำแนวนี้จะเกิดการนองเลือดแน่ ถ้าอยากให้คนฆ่ากันก็ตัดสินตามที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ร้องมา แล้วเมื่อแก่ตัวลงจะมานั่งร้องไห้ว่าได้สร้างตราบาปไว้”
ผมยืนยันว่าในวันที่ศาลรัฐะรรามนูญตัดสินคดี ศอ.รส.จะพยายามดูแลไม่ให้ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน แต่ก็ห่วงเรื่องอารมณ์ของทั้งสองฝ่าย และกลัวจะเอาไม่อยู่ ผมอยากให้พรรคประชาธิปัตย์กลับเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง
“สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานประธานที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.)
ที่เราจะนำเสนอขอพระบรมราชวินิจฉัยในกรณีที่เกิดสูญญากาศทางการเมือง เราก็มีสิทธิ์ที่จะกราบขอพระบรมราชวินิจฉัย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคิดกันไว้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับประเทศชาติ แต่ฝ่ายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข) กับพวกเราทำสิ่งใดเขาก็ไม่เห็นด้วยตลอดเวลา นายสุเทพไม่เคยเคารพความคิดคนอื่นเอาความคิดตนเป็นใหญ่ อาจจะคิดไปว่าตัวเองเป็นประธานาธิบดี ประกาศจัดตั้งรัฏฐาธิปัตย์ วันนี้สังคมไทยต้องคิดให้หนัก ถ้ามีนายสุเทพเป็นผู้นำทางความคิดประเทศชาติไปไม่ถึงไหน
“เราต้องการเห็นคำพิพากษาขององค์กรอิสระ ของศาล มีความเป็นธรรม ให้ความยุติธรรม เรียกร้องเท่านั้นเอง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสังคมประชาชนส่วนหนึ่งเกิดข้อสงสัยในการทำงานขององค์กรอิสระ และกระบวนการยุติธรรมในไทย วันนี้หากกระบวนการยุติธรรมต่างๆในไทยไม่เป็นธรรม ต่างชาติเขาจับตามอง วันหลังเขาก็ไม่คบค้าสมาคมกับไทย”
@ ศอ.รส.คิดว่าการเสนอให้ครม.นำเรื่องทูลเกล้าฯ ในกรณีที่เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกินขอบเขตอำนาจนั้น เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วใช่หรือไม่
น่าจะเป็นทางออกหนึ่งที่จะช่วยให้สัมคมไทยเดินต่อไปได้ เพราะสิ่งใดที่ศาลวินิจฉัยนอกเหนือจากที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ก็เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง เราต้องเรียกร้องผ่านกระบวบการที่เหนือกว่าเพื่อให้ความเป็นธรรมเท่านั้นเอง เราไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น เพียงต้องการแก้ไขปัญหาประเทศชาติให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว
@ คิดว่าจะเป็นการก้าวล่วงหรือไม่
การทำเช่นนี้กับสิ่งที่นายสุเทพประกาศไม่เลวร้ายยิ่งกว่าเราหรือ และกลุ่มรัฐบุคคลที่ประกาศมาตรา 7 ไม่เลวร้ายกว่าหรือ รวมถึงการไปดึงประธานองคมนตรีลงมาด้วย ตรงนี้ต้องคิดเปรียบเทียบ ว่าสื่งไหนเหมาะสมหรือไม่ สิ่งไหนควรหรือมิบังควร อย่าเอาความคิดตนเองเป็นใหญ่
@ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความเห็นอย่างไรต่อแถลงการณ์ของ ศอ.รส.
นายกฯได้ติดตามข่าวศอ.รส. แต่ไม่ได้แสดงความเห็น เพราะให้อิสระทำงาน นายกฯไม่เคยก้าวล่วง ปล่อยอิสระ เพราะเข้าใจการทำงานของศอ.รส.