ตัดสิน ‘สายน้ำคลิตี้ล่าง’ กับความหวังรอคืนกลับ
3 วันกับการลงพื้นที่ 'คลิตี้ล่าง' สำรวจการฟื้นฟูลำห้วยปนเปื้อนสารตะกั่วที่ยังไร้วี่เเววกลับคืนสู่ปกติ จึงได้เเต่เฝ้าวิงวอนให้สายน้ำเเห่งนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้งก็ด้วยจากความร่วมมือของทุกฝ่าย
เส้นทางที่เปื้อนไปด้วยฝุ่นลูกรังคละคลุ้ง ขรุขระ และลาดชันตามทิวเขามุ่งหน้าสู่ดินแดนกลางป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ‘หมู่บ้านคลิตี้ล่าง’ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ชุมชนเล็ก ๆ ชาวกะเหรี่ยงที่เคยดำรงวิถีชีวิตอย่างพอเพียงท่ามกลางธรรมชาติ สลับกับลำน้ำธารใสที่เปรียบดังเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงทุกชีวิตในพื้นที่ หากแต่เวลานี้กลับกลายเป็นสายน้ำเป็นพิษที่รอเวลาคร่าชีวิตพวกเขาเสียแล้ว
เนื่องด้วยหลายสิบที่ผ่านมา ได้เกิดปัญหาการลักลอบทิ้งน้ำเสียจากบ่อเก็บตะกอนหางแร่ของบริษัท ตะกั่วคอนแซนเตรทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ลงสู่ลำห้วยคลิตี้ จนกระทั่งมีสารตะกั่วปนเปื้อนสูงและกระจายลงสู่ลำน้ำตอนล่าง ที่สำคัญ ยังมีการตรวจพบสารดังกล่าวในร่างกายของชาวบ้านอีกด้วย ซึ่งต่างเชื่อกันว่าเกิดจากการไร้ความรับผิดชอบของบริษัทผู้รับสัมปทาน แม้ท้ายที่สุด ยังไม่มีการยืนยันจากหน่วยงานสาธารณสุขก็ตาม
แต่จากสภาพความเป็นจริงที่คณะสื่อมวลชนได้สัมผัสในการลงพื้นที่เมื่อต้นเดือนเมษายน 2557 กิจกรรม ‘ทำบุญลำห้วย 16 ปีคลิตี้ ชนะคดีศาลปกครอง’ เป็นเวลา 3 วัน แสดงให้เห็นชัดว่าหมู่บ้านแห่งนี้ยังคงประสบชะตากรรมที่น่ากังวลอยู่ สิ่งที่ยืนยันเช่นนั้นก็ด้วยข้อมูลที่ได้รับล่าสุดยังคงพบค่าตะกั่วท้องน้ำลำห้วยสูงเกินมาตรฐาน ประกอบกับการเข้าดำเนินการฟื้นฟูตามแผนของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ไม่มีการสอบถามความคิดเห็นจากชุมชนและเป็นไปอย่างล่าช้า
(มะอ่องเส็ง)
นอกจากนี้การได้พูดคุยกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากสารตะกั่ว โดย ‘มะอ่องเส็ง นาสวนบริสุทธิ์’ บอกเล่าถึงอาการให้ฟังว่า ปัจจุบันตนเองรู้สึกปวดขาและข้อต่อตามร่างกาย ส่วนหูได้ยินเพียงข้างเดียว และในบางครั้งตอนกลางคืนก็ยังปวดตาด้วย อย่างไรก็ตาม อาการดังกล่าวได้ทุเลาลงบ้างแล้ว
(โจสอวอ)
สอดคล้องกับชาวบ้านอีกรายหนึ่งที่ระบุถึงอาการของ ‘ศักดิ์ชัย นาสวนกนก’ หรือ โจสอวอ โดยอ้างว่าได้รับผลกระทบจากสารตะกั่วในลำห้วยตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จนส่งผลให้มีพัฒนาการช้ากว่าเด็กปกติวัยเดียวกัน
“บางครั้ง ‘โจสอวอ’ จะมีอาการกระตือรือร้นและเคลื่อนไหวได้เร็ว” เขาระบุ และบอกว่า แม้เด็กชายคนนี้จะมีพัฒนาการที่ช้า แต่ก็มีนิสัยชอบพูดคุยและอารมณ์ดีต่อทุกคนที่เข้ามาในหมู่บ้าน
“By the River สายน้ำติดเชื้อ” สะท้อนชีวิตกะเหรี่ยงคลิตี้ล่าง
เสียงใบไม้ไหวเสียดสีเคล้าเสียงดนตรีบรรเลง สลับกับภาพเบื้องหน้าเป็นการแสดงหลากหลายที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ในศิลปวัฒนธรรมชนกะเหรี่ยง ก่อนจะปิดท้ายโปรแกรมคืนวันที่ 2 ด้วยการฉายภาพยนตร์สารคดี “By the River สายน้ำติดเชื้อ” สื่อบันเทิงสาระที่มีดีกรีระดับรางวัล Special Mention ประเภท Concorso Cineasti del presente อีกทั้ง ยังได้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ สวิตเซอร์แลนด์
ด้วยเป็นสารคดีที่ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวบ้านคลิตี้ล่าง ซึ่งมีความผูกพันกับสายน้ำและผืนป่า ต่อมาได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อนสารตะกั่วจากบริษัทตะกั่วคอนแซนเตรทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ลักลอบปล่อยหางแร่ลงสู่ลำห้วย ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและชาวบ้านคลิตี้ล่างที่อาศัยและใช้ชีวิตกับลำน้ำสายนี้
‘สุรพงษ์’ ชี้ คพ. สร้างฝายดักตะกั่วไร้มาตรฐาน
เช้าของวันสุดท้าย เราได้แวะชมพื้นที่ตั้งโรงแต่งแร่ของบริษัทฯ ในเขตคลิตี้บน ซึ่งถูกปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2542 แต่ถึงกระนั้นยังคงทิ้งสภาพรกร้างปรักหักพังของบ่อเก็บกักแร่และรถบรรทุกไว้ตีตราความทรงจำอันปวดร้าวให้ชาวบ้านอยู่
จากนั้นก็ได้เดินทางไปยัง ‘ฝายดักตะกอน’ ถูกจัดสร้างขึ้นโดย คพ. เพื่อหวังใช้ดักตะกอนของสารตะกั่ว แต่ดูเหมือนจะไม่สำเร็จผล โดย ‘สุรพงษ์ กองจันทึก’ ผู้อำนวยการศูนย์กะเหรี่ยงและพัฒนา ระบุว่า การสร้างฝายดักตะกอนไม่เป็นไปตามมาตรฐาน เกิดการรั่วไหลของพื้นที่ฝายด้านล่าง ซึ่งตามหลักการสร้างฝายน้ำล้นนั้น จะต้องไม่มีส่วนรั่วซึมในส่วนกักตะกอน ขณะที่น้ำจะต้องไหลออกทางด้านบน เพื่อชะลอไม่ให้ไหลไปกับตะกอนด้านล่าง
จากอดีตที่สายน้ำแห่งนี้เป็นเสมือนดั่งความหวังของชาวบ้านคลิตี้ล่าง หากปัจจุบันความหวังดังกล่าวได้พังทลายลงด้วยสารตะกั่วปนเปื้อน จึงได้แต่เฝ้าวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการฟื้นฟูโดยเร็ว เพื่อปลุกชีพสายน้ำแห่งนี้ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง .
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:ละเลย หรือล่าช้า ชาวบ้านคลิตี้ ถาม คพ. ผ่านไป 1 ปี เหตุใดแผนฟื้นฟูยังไม่คืบ
(อดีตโรงแต่งแร่)
(รถบรรทุกที่ยังจอดทิ้งไว้อยู่)
(ฝายดักตะกอนรั่วไหลบริเวณด้านล่างของฝาย)