ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง 5 แนวร่วมเบอร์ซาตู บุกค้นสายบุรีรับสงกรานต์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้อง 5 แนวร่วมเบอร์ซาตู กลุ่มบีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต ชี้ไม่มีหลักฐานมัดคดียิงตำรวจดับเมื่อปลายปี 47 รวมทั้งการกระทำผิดอื่นที่อ้างวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งแยกดินแดน ด้านหน่วยงานความมั่นคงถือฤกษ์สงกรานต์บุกค้นสายบุรี รวบ 2 ผู้ต้องสงสัยพร้อมอาวุธปืนเพียบ
มีคำพิพากษาเกี่ยวกับคดีแบ่งแยกดินแดนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ศาลอุทธรณ์อ่านช่วงก่อนวันหยุดยาวสงกรานต์
ที่ห้องพิจารณา 710 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีก่อการร้าย หมายเลขดำ 1021/48 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายมุสตอปา เจ๊ะยะ นายอิลยาส หรืออิสยาส มันหวัง นายอุสมาน ปะชี นายยูไล โสะปนแอ และ นายมะอาซี บุญพล ซึ่งถูกระบุว่าเป็นสมาชิกขบวนการเบอร์ซาตู กลุ่มบีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 135/1
คำฟ้องของโจทก์ระบุว่า เมื่อปี 2547-2548 จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายและก่อการร้ายในรูปแบบต่างๆ ในเขตพื้นที่ จ.ปัตตานี เพื่อแบ่งแยกดินแดน โดยใช้ปืนฆ่าตำรวจเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน มุ่งหมายเพื่อบังคับขู่เข็ญรัฐบาลไทยให้ยินยอมแบ่งแยกดินแดนใน จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และบางส่วนของ จ.สงขลา ออกจากราชอาณาจักร เพื่อสถาปนาเป็นรัฐอิสระปกครองตนเอง เรียกว่า "รัฐปัตตานี" หรือ "รัฐปัตตานีดารุสลาม"
โดยเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2547 จำเลยทั้งห้าร่วมกันวางแผนและยิง ด.ต.โมหามัด เบญญากาจ ถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เหตุเกิดที่ ต.บานา ต.สะบารัง ต.ตะลุโบะ อ.เมืองปัตตานี ต่อเนื่องกัน ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือและซิมการ์ดที่ใช้ติดต่อสื่อสารไว้เป็นของกลางได้ แต่จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 เม.ย.2555 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งห้า เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอรับฟังได้ว่าจำเลยทั้งห้าเป็นบุคคลที่เข้าร่วมในขบวนการก่อการร้ายสร้างความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ต่อมาอัยการโจทก์อุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วย
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษากันแล้ว เห็นว่า โจทก์มีพยานเบิกความรวม 22 ปาก แต่ไม่มีพยานหลักฐานเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายขบวนการเบอร์ซาตูในกลุ่มบีอาร์เอ็น แม้พยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเบิกความว่า เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของจำเลยมาโดยตลอด และพบว่าจำเลยทั้งห้ามีการใช้โทรศัพท์ติดต่อสื่อสารพูดคุยกัน แต่ก็ยังไม่มีมูลว่าจำเลยทั้งห้าเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย เพียงแค่การใช้โทรศัพท์พูดคุยกันยังรับฟังไม่เพียงพอว่าจำเลยได้ร่วมกันก่อการร้ายและกระทำผิดก่ออาชญากรรมอื่นๆ และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าคนร้ายที่ยิงผู้ตายเป็นใคร และหลังเกิดเหตุก็ไม่ได้มีการจับกุมจำเลยในทันที
พยานหลักฐานจึงยังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้เพียงพอ โจทก์มีเพียงคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเท่านั้น และจำเลยก็เบิกความยืนยันว่าถูกบังคับให้รับสารภาพ พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักน้อย ไม่เพียงพอให้ลงโทษได้ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
ฉวยจังหวะสงกรานต์บุกค้นสายบุรียึดปืนอื้อ
วันเสาร์ที่ 12 เม.ย.2557 เวลาประมาณ 19.00 น. หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 สนธิกำลังกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ตำรวจ สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี และชุดปฏิบัติการสายฟ้า เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่บ้านใหญ่ ต.ละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 2 ราย ยึดยาบ้า 200เม็ด อาวุธปืนลูกซอง 5 นัด 1 กระบอก อาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. 1 กระบอก อาวุธปืนพก ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนกลมือ เอ็ม 3 อีก 1 กระบอก
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ปืนกลมือที่เจ้าหน้าที่ยึดได้จากปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
ขอบคุณ : ภาพจากเจ้าหน้าที่ชุดตรวจจุดเกิดเหตุ