‘ผู้สูงวัย ใส่ใจอนาคต’:ที่สุดแห่งรสอักษรสุนทรพจน์
“ธรรมชาติของมนุษย์มักสนใจแต่กรอบรูปมากกว่าขาตั้งรูป สนใจหน้าปกหนังสือมากกว่าเนื้อหาสาระภายใน สนใจแต่เบื้องหน้าความสำเร็จของตน แต่ลืมเบื้องหลังแห่งความเหนื่อยยากของใครคนหนึ่ง เราควรจะเก็บปริญญาบัตรที่ได้รับในวันนี้ แต่อย่าลืมผู้สูงวัยที่เคยใส่ใจอนาคตของเราในวันนั้น”
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ข้าพเจ้าได้ไปร่วมงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2557 ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ร่วมกับคณะกรรมการจัดกิจกรรมจัดงานเนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 13 เมษายน ของทุกปี ณ สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต
โดยภายในงานมีกิจกรรมมากมายที่เจ้าภาพจัดไว้ให้ผู้สูงอายุที่ต่างชักชวนกันมาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกทักษะอาชีพ การแสดงบนเวที หรือแม้กระทั่งการตรวจสุขภาพ เรียกว่าสร้างความสนุกสนานครื้นเครงให้ไม่น้อยกันเลยทีเดียว
แต่กิจกรรมหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้กับข้าพเจ้านั่นคือ ‘การพูดสุนทรพจน์’ ซึ่งทำให้ย้อนรำลึกถึงอดีตสมัยตนเองเป็นนักเรียน ครั้งนั้นข้าพเจ้าได้ยืนอยู่บนเวทีท่ามกลางผู้คนมากมายที่ต่างตั้งใจสดับรับฟังบทสุนทรพจน์ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า
การแข่งขันครั้งแล้วครั้งเล่าได้สร้างการฝึกปรือวิทยายุทธขั้นเทพให้เก่งกาจในทักษะด้านภาษา จนเมื่อครั้งนี้ข้าพเจ้าได้เป็นผู้ยืนฟังเด็กชายวัยน้อยเสียงใสในงาน ก็ได้แต่ยืนยิ้มในรสคำที่กลมกล่อม นุ่มนวล ประหนึ่งแกงมัสมั่นที่เข้าเครื่องเป็นอย่างดี
เด็กน้อยผู้นี้ชื่อ ‘ด.ช.ขวัญพัฒน์ ปริมสิริคุณาวุฒิ’ นักเรียนโรงเรียนเผดิมศึกษา กรุงเทพฯ ในฐานะผู้ชนะเลิศการประกวดสุนทรพจน์ ระดับประถมศึกษา เนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ปี 2557 ข้าพเจ้าจึงขอนำเสนอการร้อยเรียงถ้อยคำอักษรมาให้ผู้อ่านได้สัมผัสความบันเทิงเเบบฉบับอักษรกันในสัปดาห์นี้
ผู้สูงวัยค้ำจุนหนุนชีวิต
ดุจเข็มทิศนำทางสร้างความรู้
ดังกุญแจที่ใช้ไขประตู
นำเราสู่อนาคตที่งดงาม
ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าได้มาถึงทุกวันนี้ เพราะเรามี 'ผู้สูงวัย' ที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตที่เข้มด้วยการเป็นคน ข้นด้วยการเป็นงาน จนตกผลึกเป็น 'ภูมิปัญญา' สร้างสิ่งที่ดี มีคุณค่าให้แก่สังคม โดยใช้ความรู้คุ้มครองบ้านเมืองให้อบอุ่น ใช้คุณธรรมคุ้มครองสังคมให้ร่มเย็น ท่านจึงเป็นเหมือนดวงดาวประดับฟ้า เป็นดวงตาที่มองไกล เป็นดวงใจของครอบครัวที่คอยเอาใจใส่อนาคตของลูกหลาน โดยการใช้ทักษะวิสัย จิตวิสัย และพฤติวิสัย
ทักษะวิสัย ค่าของคนไม่ได้มีสองมือเท่ากัน แต่ค่าของคนอยู่ที่การใช้สองมือที่แตกต่างกัน ผู้สูงวัยไม่ได้ใช้สองมือนี้เพียงเพื่อประคับประคองเมื่อยามหกล้ม แต่ใช้สองมือนี้สร้างชีพให้เกิดผล กลายเป็นการสร้างชาติ ด้วยปราศจากการมีคนที่สร้างชั่ว เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตแก่เรา
จิตวิสัย จิตใจของผู้สูงวัยเพื่อมั่นคงในความรักและใส่ใจอนาคตของเราเสมอ โดยไม่มีอะไรมาฉุด แม้แต่เพชร ซึ่งถือแข็งแกร่งที่สุดในโลก คนเราจะตัดและเจียระไนเป็นก้อน ๆ ได้ แต่จิตใจของท่านแม้เป็นก้อนเนื้อที่หนักเท่ากำปั้น แต่ไม่มีเครื่องมือใดที่จะตัดเยื่อใยความรัก ความใส่ใจที่ท่านมีต่อเราให้ขาดได้
พฤติวิสัย ผู้สูงวัยผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชน ทำให้เชี่ยวชาญในศาสตร์ ช่ำชองในศิลป์ ท่านดุจเป็นขุมทองแห่งความรู้ เป็นขุมทรัพย์แห่งวิชาการที่คอยมอบคำสั่งสอนเป็นแบบฝึกหัด มอบประสบการณ์เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตแก่เรา
“ธรรมชาติของมนุษย์มักสนใจแต่กรอบรูปมากกว่าขาตั้งรูป สนใจหน้าปกหนังสือมากกว่าเนื้อหาสาระภายใน สนใจแต่เบื้องหน้าความสำเร็จของตน แต่ลืมเบื้องหลังแห่งความเหนื่อยยากของใครคนหนึ่ง เราควรจะเก็บปริญญาบัตรที่ได้รับในวันนี้ แต่อย่าลืมผู้สูงวัยที่เคยใส่ใจอนาคตของเราในวันนั้น”
บุปผาแทนใจไทยทั้งมวล
ร้อยลำดวนหอมหวนแสนชวนฝัน
มอบแต่ผู้สูงวัยใจผูกพัน
ผู้สร้างสรรค์อนาคตเรางดงาม
เสียงปรบมือดังลั่นห้องประชุม...อ่านแล้วลองนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันก็จะเป็นการดีเชียว .
twitter:@jibjoyisranews
E mail : [email protected]