ผู้บริโภคจี้ขนส่งยกเลิกเดินรถโดยสารสองชั้นเส้นทางเสี่ยง
เครือข่ายผู้บริโภคจี้กรมขนส่งทางบกออกฎยกเลิกเดินรถโดยสารสองชั้นเส้นทางเสี่ยง ควบคุมความเร็วจริงจัง หวังลดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์
เร็ว ๆ นี้ ที่กรมการขนส่งทางบก กำแพงเพชร 2 กรุงเทพฯ เครือข่ายผู้เสียหายจากบริการรถโดยสารสาธารณะ ร่วมกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายนักวิชาการ เครือข่ายทนายความอาสาเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคจ.สระบุรี สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง และกรุงเทพฯ เข้ายื่นข้อเสนอและร่วมสนับสนุนมาตรการเพื่อสร้างความปลอดภัยของผู้โดยสารต่อนายนายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก
โดยเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้รถโดยสารสองชั้นในเส้นทางเสี่ยงและควบคุมการใช้ความเร็วของรถโดยสารสาธารณะทุกประเภทตามกฎหมายกำหนด รวมทั้งเร่งประกาศใช้แบบมาตรฐานและระบบทดสอบ เช่น โครงสร้างความแข็งแรงของรถ เก้าอี้ที่นั่ง และการทดสอบพื้นเอียง ในรถสองชั้น โดยเฉพาะรถที่สูงกว่า 3.6 เมตร
น.ส.สวนีย์ ฉ่าเฉลียว ผู้ประสานงานโครงการรถโดยสารสาธารณะปลอดภัย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เปิดเผยว่า จากข้อมูลของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคในเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุครั้งใหญ่จากรถทัวร์โดยสารจนทาให้มีผู้เสียชีวิตถึง 97 ศพ และเป็นรถทัวร์โดยสารสองชั้น 2 ครั้ง คือ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 รถทัศนศึกษา จากนครราชสีมา ชนท้ายรถพ่วง สาย 304 อ.นาดี ปราจีนบุรี เสียชีวิต 16 ศพ ถัดมา วันที่ 24 มีนาคม 2557เป็นคณะทัวร์ เทศบาลท่าสายลวด ตกเหวบริเวณดอยลวก อ.เมือง จ.ตาก เสียชีวิต 30 ศพ ทาให้มียอดผู้เสียชีวิตถึง 46 ศพ ในระเวลาห่างกันไม่ถึงเดือน
“ข้อเสนอของผู้บริโภค คือ ต้องไม่ใช้รถโดยสารสองชั้นในเส้นทางเสี่ยงที่มีผลการศึกษาว่า เกิดอุบัติเหตุบ่อย และรุนแรง เพราะอุบัติเหตุและความไม่ปลอดภัยไม่ได้มีปัจจัยมาจากมาตรฐานของตัวรถเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับถนน พื้นที่ ความชำนาญในเส้นทางของคนขับ และการใช้ความเร็ว ซึ่งควรมีการควบคุมการใช้ความเร็วอย่างอย่างเหมาะสม เข้มงวด เคร่งครัด ให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด หรือ ป้ายเตือนที่แสดงไว้ตามจุดต่างๆ” ผู้ประสานงานโครงการฯ กล่าว
ด้านนางชุติกานต์ นันตะนะ ตัวแทนเครือข่ายผู้เสียหายจากบริการรถโดยสารสาธารณะ กล่าวว่า ครอบครัวของตนเองเป็นผู้เสียหายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะต้องสูญเสียสามีที่เป็นเสาหลักของบ้าน ไปกับเหตุการณ์อุบัติเหตุในคืนวันที่ 12 เมษายน 2553 จากการโดยสารรถทัวร์เสริม บันทึกประจำวันของ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรโนนแดง จ.นครราชสีมา ได้รายงานว่า พนักงานขับรถ ใช้ความเร็วสูงและประมาท เมื่อมาถึงถนนสายมิตรภาพนครราชสีมา มุ่งหน้าไปทางจังหวัดขอนแก่น ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 213-214 ตำบลโนนตาเถร อำเภอโนนแดง จังหวัดนครราชสีมา รถได้เสียหลักตกถนน พุ่งเฉี่ยวชนต้นไม้ ข้างทาง และพลิกคว่ำ เป็นเหตุให้ผู้โดยสารเสียชีวิตคาที่ 2 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 23 คน ส่วนคนขับ หลบหนีไป
“ รถโดยสารคันนี้เป็นรถผี หรือรถโดยสารเถื่อน ที่ส่งคนของตัวเองไปขายตั๋วและเข้าไปเรียกคนใน บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต โดยบอกกับผู้โดยสารว่าเป็นรถเสริมของ บขส. สายกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ทำให้ผู้โดยสารเข้าใจผิดซึ่งปัญหานี้มีทุกปี อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลอย่างเข้มงวด” ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าว และว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ผ่านมา 4 ปี คดียังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์ของจำเลยอยู่ต่อสู้มายาวนานมาก เขาบอกว่าได้จากประกันภัยไปแล้วจะเอาอะไรอีก แต่เราอยากจะบอกว่าได้เงินมาเท่าไรมันก็ไม่คุ้มกันหรอกกับการที่ต้องเสียพ่อที่ดีของลูกไป เพราะถ้าเขาอยู่ เขายังหาได้มากกว่านี้อีก มันไม่คุ้มกันหรอกเลย ถ้าแลกได้ไม่เอาหรอกเงินแค่นี้ขอแลกชีวิตตัวเองที่เป็นคนตายไปยังดีกว่า
ขณะที่นพ.ธนะพงษ์ จินวงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลคือ การนำรถเสริมมาใช้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หากเป็นรถโดยสารที่ไม่มีคุณภาพ สภาพชำรุดบกพร่อง คนขับไม่ชำนาญเส้นทาง หรือมีคนขับเพียงคนเดียวก็จะเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุและความรุนแรงได้
สำหรับมาตรการเร่งด่วนเพื่อหยุดความสูญเสีย ในมุมของนักวิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ประกอบด้วย การเร่งประกาศใช้ ‘แบบมาตรฐาน’ และเตรียมระบบทดสอบ คือ โครงสร้างความแข็งแรง (roll over test) การยึดเกาะเก้าอี้/เข็มขัด ทดสอบพื้นเอียง (รถที่สูงกว่า 3.6 เมตร)
นอกจากนี้ผู้ประกอบการและกรมการขนส่งฯ มีระบบตรวจสอบ /กำกับ 'ความเสี่ยงหลัก' คือ คนขับที่มีใบขับรถสาธารณะ และ 'ชำนาญเส้นทาง' การกำกับ 'ความเร็ว' เช่น ติดตั้ง GPS หลีกเลี่ยง การใช้รถ 2 ชั้น วิ่งในเส้นทางลาดชัน ผ่านภูเขาสลับซับซ้อน หุบเหว และติดตั้งและกำกับให้มีการใช้ 'เข็มขัดนิรภัย'
รวมถึงปรับปรุง 'เส้นทาง/จุดเสี่ยง' ให้เกิดความปลอดภัยในการใช้งาน ประการสุดท้ายคือ เร่งทบทวน หลักเกณฑ์ความคุ้มครอง ดูแลผู้รับผลกระทบจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ
ขอบคุณภาพประกอบจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีอีอาร์ไอ)
ภาพประกอบข่าว:ไทยพีบีเอส