“นิวัฒน์ธำรง” ยันจำนำข้าวขาดทุนไม่มาก – ปัดตอบ“สยามอินดิก้า”ผูกขาด
“นิวัฒน์ธำรง” นำเอกสารคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโต้ “กขช.” แจง “ป.ป.ช.” ยันขาดทุนไม่เยอะ ระบุไม่ใช่โครงการในเชิงธุรกิจ แต่ทำเพื่อช่วยชาวนา เตรียมส่งเอกสารแจงเพิ่ม 25 เม.ย. – ปัดตอบ “สยามอินดิก้า” ผูกขาดค้าข้าว
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเวลา 13.05 น. วันที่ 10 เมษายน 2557 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เดินทางเข้าเป็นพยานให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมละเว้นไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว
ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. นายนิวัฒน์ธำรง เสร็จสิ้นการเข้าให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยแถลงกับผู้สื่อข่าวว่า กรณีการขาดทุนนั้น ถ้าดูการปิดบัญชีทั้ง 3 ครั้งของคณะอนุกรรมการปิดบัญชี ได้มีข้อโต้แย้งในการประชุม กขช. มีอยู่ 2 เรื่องหลัก คือ 1.มีสินค้าคงเหลือในสต๊อกที่คณะปิดบัญชีไม่นำไปลงบัญชี โดยความไม่เชื่อมั่นหรือล่าช้าของเอกสารก็แล้วแต่ เช่น มูลค่าสต๊อกที่ไม่ลงบัญชีงวดที่สอง เดือนมกราคม 2556 มี 2.9 ล้านตัน มูลค่าจริง 50,000 – 80,000 ล้านบาท ซึ่งอันนี้เป็นข้อโต้แย้ง ซึ่งถ้านำเรื่องนี้ไปคิดด้วยการขาดทุนจะลดลง
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เรื่องมูลค่าสต๊อกคิดได้ 3 วิธี ซึ่งคณะปิดบัญชีจะใช้วิธีต่ำสุด เพราะหน้าที่เขาดูแลเรื่องหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และหนี้สาธารณะ เพื่อระดมหางบประมาณให้เพียงพอ ดังนั้นความคิดก็ต่างกัน กรณีหลัง ๆ ความต่างของการคิดมูลค่าสต๊อกของคณะปิดบัญชี กับมูลค่าสต๊อกต่างกันถึง 80,000 – 100,000 ล้านตัน และหากเรื่องใดยังโต้แย้งหรือยังไม่ยุติ ก็ไม่น่าจะเป็นหลักฐานในการกล่าวหาครั้งนี้
“ดังนั้นถ้าเอาข้อมูลตรงนี้ไปรวมไม่ได้ขาดทุน ที่กล่าวว่า ขาดทุน 2.2 แสนล้านบาท มันไม่ใช่แล้ว แต่มันจะเหลือสัก 100,000 ล้านบาท หรือ 3 แสนกว่าล้านบาท จะเหลือสัก 2 แสนล้านบาท ทำนองนี้” นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ส่วนกรณีโครงการรับจำนำข้าวสร้างความขาดทุนและทำความเสียหายแก่ราชการนั้น จริง ๆ โครงการช่วยเหลือเกษตรกรทุกโครงการ ทุกรัฐบาล ก็ต้องใช้เงิน แต่โครงการรับจำนำข้าวอาจจะเยอะกว่าคนอื่น อย่างไรก็ดีโครงการพวกนี้ไม่ใช่โครงการในเชิงธุรกิจ แต่ช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ส่วนเรื่องความเสียหายต่อราชการหรือบิดเบือนกลไกตลาด ความจริงไม่ได้บิดเบือน เพราะชาวนามีทางเลือก รวมไปถึงจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการนี้ก็ลดลงอีกด้วย
“ส่วนเรื่องข้าวเสื่อม หรือข้าวเน่า เรื่องพวกนี้มีสัญญา ผู้ดูแลรักษาไม่ว่าเจ้าของโกดัง หรือใครต่อใคร องค์การคลังสินค้า (อคส.) องค์กรตลาดเพื่อการเกษตร (อตก.) ต้องรับผิดชอบ มันไม่สูญหาย มันไม่สูญเสียเพราะมีคนรับผิดชอบ ถ้าเจอก็ต้องฟ้องร้องเรียกเอาเงินคืน” นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวอีกว่า ตนได้ทำหน้าที่ถึงที่สุดแล้ว และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็คงได้พิจารณาต่อไปว่าจะตัดสินอย่างไร ซึ่งตนมีข้อมูลเพิ่มเติมที่จะนำเสนออีกภายในวันที่ 25 เมษายน 2557 เป็นเอกสาร ส่วนมีเรื่องไหนบ้างนั้นจำได้ไม่หมด และถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต้องการให้มาชี้แจงอีกก็ยินดี
เมื่อถามว่าทำไมบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จึงผูกขาดการค้าข้าวภายในประเทศตามข้อมูลของ ป.ป.ช. นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ตนไม่รู้ ไม่ได้พูดในกรณีนี้
เมื่อถามว่าสามารถเปิดเผยข้อมูลการระบายข้าวได้หรือไม่ นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า สามารถเปิดเผยได้ โดยมีข้อมูลที่ตนจะเปิดเผยกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. บ้างเป็นบางเรื่อง
เมื่อถามว่าจริงหรือไม่ที่ว่านายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (เสี่ยเปี๋ยง) สนิทสนมกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ไม่รู้