“ยรรยง” ยันจำนำข้าวชอบตามรธน. ขอป.ป.ช.นำ “อดีตนายกสภาบัญชีฯ” แจงเพิ่ม
“ยรรยง” ยันโครงการรับจำนำชอบธรรมตามรธน.ม.84 (8) เชื่อราคา 15,000 บ.ไม่เวอร์ ระบุไต่สวนยังไม่ยุติกล่าวหาว่าละเว้นไม่ถูกต้อง โยน “โต้ง - นิวัฒน์ธำรง” แจงปมขาดทุน - เสียหาย ขอ “ป.ป.ช.” นำ “พิชัย” อดีตนายกสภาบัญชีฯแจงเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.15 น. วันที่ 9 เมษายน 2557 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ เข้ามาให้ถ้อยคำในฐานะพยานไต่สวนกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมละเว้นไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว พร้อมด้วยนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากน.ส.ยิ่งลักษณ์
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 16.15 น. นายยรรยง เสร็จสิ้นการเข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หลังจากนั้นได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่า ตนได้เตรียมเอกสารมาชี้แจงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. 51 หน้า คือเอกสารให้ถ้อยคำ 24 หน้า และก็เป็นเอกสารอ้างอิง หลักฐานต่าง ๆ ที่ใส่แนบไปอีก 27 หน้า ฉะนั้นก็คงจะได้ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. สามารถใช้ในการวินิจฉัยได้
นายยรรยง กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวนั้นเป็นความถูกต้องชอบธรรม ทั้งทางกฎหมาย และขั้นตอนในทางการเมือง เนื่องจากได้ยึดตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน และสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 84 (8) หากยกเลิกจะกลายเป็นการหลอกลวงต่อประชาชน และมีความผิดทางการเมือง
“ถ้าพูดเป็นภาษาจิ๊กโก๋ก็คือ มันไม่เวอร์หรอก ราคา 15,000 บาทเนี่ย เพราะต้นทุนปาไป 8,000 – 9,000 บาทแล้ว” นายยรรยง กล่าว
นายยรรยง กล่าวอีกว่า ตนได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในโครงการรับจำนำข้าวมาตั้งแต่รัฐบาลนายชวน หลีกภัย จนมาถึงรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ เว้นไปแค่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเท่านั้นเนื่องจากเปลี่ยนเป็นโครงการรับประกันราคาข้าว อย่างไรก็ดีพอมาถึงรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ จำเป็นต้องใช้ยาแรง โดยปรับราคาให้สูงขึ้นและขยายปริมาณรับจำนำ เพราะต้องการยกระดับรายได้และชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนา นอกจากนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ได้ดำเนินการป้องกันตรวจสอบ และปราบปรามการทุจริตอย่างต่อเนื่อง
“ชาวนาก็มีทั้งที่ดีและไม่ดี อย่างเรื่องการสวมสิทธิ์มันก็ไม่ดี โรงสีก็เช่นเดียวกันมีทั้งดีและไม่ดีกีอยู่ แต่รัฐบาลก็หาทางบรรเทาอยู่ อย่างไรก็ตามข้อกล่าวหาว่ามีการทุจริต หรือโครงการดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลนั้นยังไม่มีข้อยุติใด ๆ เลย เกี่ยวกับการทุจริตและความเสียหายที่เกิดขึ้น ดังนั้นที่กล่าวหาว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจึงไม่ถูกต้อง” นายยรรยง กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะยุติได้อย่างไร นายยรรยง กล่าวว่า ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ กำลังพยายามหาทางได้ข้อยุติ ที่รับฟังมาจากคณะอนุกรรมการปิดบัญชี ซึ่งตนคิดว่าคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) คงจะได้พิจารณาเร็ว ๆ นี้ ส่วนกรณีการทุจริตนั้นเป็นเรื่องขององค์กรอิสระจะค้นหาพยานหลักฐานว่าทุจริตจริงหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้สอบถามกรณีการขาดทุนในโครงการดังกล่าวหรือไม่ นายยรรยง กล่าวว่า ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. สอบถามเช่นกัน แต่ตนตอบไปว่าหน่วยงานที่ตรวจสอบมันยังไม่ยุติ โดยตั้งข้อสังเกตว่าความเห็นของคณะกรรมการปิดบัญชีมีจุดอ่อนอยู่มาก เลยขอโอกาสให้นายกิตติรัตน์ (ณ ระนอง รักษาการรองนายกฯ และรมว.คลัง) เป็นคนชี้แจง เพราะว่าการปิดบัญชีต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของนักบัญชี ทั้งนี้รัฐบาลต้องการนำนายพิชัย ชุณหวชิร อดีตนายกสภานักบัญชีฯ เข้ามาเป็นพยานชี้แจง โดยกำลังขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาทบทวนอยู่
“คณะกรรมการ ป.ป.ช. ฝากผมไปบอกนายนิวัฒน์ธำรง (บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกฯ และรมว.พาณิชย์) ว่าให้มาอธิบายเรื่องความเสียหายอะไรต่าง ๆ เท่าที่ปรากฏตัวเลขเริ่มต้นเป็นอย่างไรบ้าง เพราะทำให้ท่านได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น แต่ช่วงท่ผ่านมาเหมือนเป็ฯการฟันธงก็คือตัวเลขมันยังไม่ได้ผ่านหน่วยงานต่าง ๆ ที่เป็นผู้รับผิดชอบตรงคือกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์” นายยรรยง กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเข้าให้ถ้อยคำสมบูรณ์แล้วหรือไม่ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะเรียกมาอีกหรือไม่ นายยรรยง กล่าวว่า ไม่น่าจะมาแล้ว เพราะให้ถ้อยคำแบบเจาะลึกและเสริมกับที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้ถ้อยคำไปก่อนหน้านี้แล้ว คิดว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. คงไม่คาใจอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) ได้เคลื่อนพลมาชุมนุมปิดถนนอยู่บริเวณหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. โดยมีการปราศรัยสาปแช่ง รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมระบุว่า ไม่ได้มาคัดค้านการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่เรียกร้องให้ทำงานอย่างเป็นกลาง และยุติธรรมเท่านั้น