“ยิ่งลักษณ์” ยันศาลรธน.รับคำร้องถอด “นายกฯ” ปมย้าย “ถวิล” ขัดรธน.
“ยิ่งลักษณ์” ลั่นเป็นปรากฏการณ์ – บรรทัดฐานใหม่ราชการไทย หลังศาลรธน.รับคำร้อง “ไพบูลย์” ถอด “นายกฯ” ปมย้าย “ถวิล” ยันขัดรธน. เนื่องจากปัจจุบันพ้นตำแหน่งแล้ว วอนอย่าสร้างความแตกแยกสังคมด้วยสองมาตรฐาน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 เมษายน 2557 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Yingluck Shinawatra” ระบุถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา และคณะ ยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีรายละเอียดดังนี้
“จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว. สรรหาและคณะยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของดิฉัน กรณีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในครั้งนี้ ดิฉันได้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการสร้างปรากฏการณ์ และบรรทัดฐานใหม่ในการบริหารราชการของไทย เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นองค์กรอิสระ รับคดีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลมาพิจารณา ทั้งๆ คดีศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติแก่นายถวิล เปลี่ยนศรี ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามคำสั่งศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาสถานะของดิฉันในขณะนี้นั้น ดิฉันได้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 180 (2) แล้ว สืบเนื่องจากการยุบสภา และได้คืนอำนาจการตัดสินใจในทางการเมืองตามวิถีทางในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยในปัจจุบันดิฉันปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับคำร้องดังกล่าว มาวินิจฉัยให้เกิดความซ้ำซ้อนกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่มีอยู่แล้ว เพราะนอกจากจะเป็นคำวินิจฉัยที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเสียเอง แล้ว คำวินิจฉัยที่ขาดหลักการความเป็นสากลในเรื่อง “หลักนิติธรรม” อาจจะกลายเครื่องมือของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในทางการเมืองอีกด้วย”
“ตามหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจนั้น อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการจะต้องมีความสมดุลกัน และในปัจจุบันมีหน่วยงานและสถาบันที่ทำหน้าที่ดังกล่าวอยู่แล้ว และหากทุกฝ่ายทำหน้าที่โดยยึดหลักการดังกล่าว ก็จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างราบรื่น และท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความขัดแย้งเช่นปัจจุบัน สถาบันที่มีความเกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญควรต้องตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารโดยยึดหลักการ และหน้าที่ตามขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยไม่ก้าวก่ายอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร หรือตุลาการ และที่สำคัญจะต้องไม่สร้างความแตกแยกให้กับสังคมด้วยการดำเนินการใดๆ ในลักษณะสองมาตรฐาน ขอให้ทุกฝ่ายทำงานโดยยึดหลักการที่ถูกต้อง เป็นธรรม และเป็นสากล เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มีหลักยึด และให้ประเทศไทยสามารถตอบคำถามของสังคมโลกได้อย่างภาคภูมิค่ะ” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุ
หมายเหตุ : ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra