“ลูกจ้างกทม.” ฟ้อง “สุขุมพันธุ์” ปมสั่งลดเงินเดือนคืนส่วนต่างกว่า 30 ล.
“ลูกจ้างกทม.” ฟ้องศาลปกครองกลางขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวลูกจ้าง 516 คน หลัง “สุขุมพันธุ์ - พวก” สั่งลดเงินเดือนคืนค่าส่วนต่างกว่า 30 ล้าน
จากกรณีเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2557 นายโชติ เขียวจันทร์ ลูกจ้างประจำ สำนักกองโรงงานช่างกล สำนักการคลัง กรุงเทพมหานคร (กทม.) ยื่นหนังสือร้องเรียนขออุทธรณ์คำสั่งการเปลี่ยนแปลงเงินเดือนใหม่ต่อผู้ว่าฯกทม., ปลัดกทม. และผู้อำนวยการสำนักการคลัง อันเนื้องมาจากเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2556 กทม.มีคำสั่งการแก้ไขอัตราจ้างในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งลูกจ้างประจำเข้าสู่ตำแหน่งตามระบบใหม่ จำนวน 350 คน ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 ส่งผลให้ลูกจ้างประจำของกทม. ถูกปรับลดเงินเดือนลง และต้องนำเงินส่วนต่างมาคืนกทม.รวมจำนวนกว่า 30 ล้านบาทนั้น
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2557 นายโชติ เขียวจันทร์ เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีดังกล่าวว่า ภายหลังยื่นเรื่องอุทธรณ์ไปแล้ว ปัจจุบันกทม.ก็ยังไม่มีความคืบหน้าที่จะแก้ไขคดีดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2557 ที่ผ่านมา จึงตัดสินใจเข้ายื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินต่อศาลปกครองกลาง ยื่นฟ้องต่อจำเลยทั้ง 4 คน คือผู้ว่าฯกทม., ปลัดกรุงเทพมหานคร, กทม. และผอ.สำนักการคลัง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้จำเลยทั้ง 4 ดำเนินการจ่ายเงินเดือนตามอัตราเดิม
โดยในเอกสารคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินที่นายโชติ เป็นผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้องต่อผู้ว่าฯกทม. และพวกรวม 4 คน ระบุว่า ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้จำเลยทั้ง 4 ดำเนินการจ่ายเงินเดือนตามอัตราในคำสั่งสำนักการคลังที่ 201/2556 แก่ผู้ร้องและห้ามออกคำสั่งหรือประกาศหรือดำเนินการใด ๆ เพื่อหักหรือลดเงินเดือนของผู้ร้องโดยเด็ดขาด
ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่าเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 ทางกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 3 ได้มีคำสั่งเป็นบันทึกข้อความ ให้ดำเนินการเรียกคืนเงินที่จำเลยที่ 4 คำนวณผิดพลาดตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 คืนจากผู้ฟ้องคดี โดยให้ดำเนินการเรียกคืนทันทีและยังมีหนังสือไปยังกองบำเหน็จบำนาญให้หักเงินส่วนที่จำเลยที่ 4 อ้างว่าคำนวณผิดพลาดมาตลอด 3 ปี
“ซึ่งเป็นความเดือดร้อนโดยมิใช่ความผิดของผู้ฟ้องคดีในการทำให้เกิดการคำนวณเงินจ้างผิดพลาดมาถึง 3 ปี เพราะจำเลยที่ 4 นั้นจะมีการประกาศอัตราค่าจ้างใหม่ทุก ๆ 6 เดือน โดยประกาศในเดือนเมษายน และเดือนตุลาคมของทุกปี หากปล่อยให้ทางจำเลยทั้ง 4 รวมกันหักเงินผู้ร้องทั้งหมดนั้น จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของครอบครัวผู้ฟ้องอย่างมาก เนื่องจากรายจ่ายของลูกจ้างประจำกรุงเทพมหานครก็ไม่ได้มากมายอะไรอยู่แล้ว ไหนจะต้องจัดสรรปันส่วนไว้ใช้จ่ายเป็นการศึกษา ค่านม ของบุตร ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา ค่าชำระหนี้เงินต่าง ๆ ซึ่งลูกจ้างแต่ละคนคำนวณเงินได้ในแต่ละเดือนไว้ให้สมดุลกับภาระค่าใช้จ่ายเป็นประจำอยู่แล้ว”
“อีกทั้งเรื่องนี้เป็นเหตุที่เกิดขึ้นโดยมิใช่ความผิดของผู้ฟ้องคดีเลย อีกทั้งเป็นการดำเนินการกะทันหันและยังออกคำสั่งทางปกครองที่มีผลเป็นโทษย้อนหลังไปถึง 3 ปี ซึ่งขัดต่อหลักการของกฎหมายอย่างชัดเจน ผู้ฟ้องและผู้เดือดร้อนจากคำสั่งของจำเลยทั้งสี่กว่า 516 คน ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจึงนำความเดือดร้อนมาพึ่งบารมีศาลขอศาลโปรดไต่สวนและมีคำสั่งคุ้มครองให้จำเลยทั้ง 4 เลื่อนการหักเงินค่าจ้างย้อนหลังของลูกจ้างประจำกรุงเทพมหานครทั้ง 516 คนออกไปก่อนจนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ขอศาลปกครองกลางที่เคารพโปรดให้ความเป็นธรรมตามกฎหมายต่อลูกจ้างประจำกรุงเทพมหานครด้วย” เอกสารดังกล่าว ระบุ
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก aecnews