จากใจ "ถวิล" ถึง "ยิ่งลักษณ์" "นายกฯจะตายน้ำตื้นเพราะคดีผม"
"ตอนที่นายกฯยิ่งลักษณ์ย้ายผม ผมคิดว่านายกฯยังหาห้องน้ำในตึกไทยไม่เจอเลย ยังไม่ทันรู้เลยว่าผมทำงานได้หรือไม่ มาย้ายผมแล้ว จึงเป็นที่มาที่ผมต้องไปร้อง"
เมื่อวันที่ 2 เมษายน “ศาลรัฐธรรมนูญ” รับวินิจฉัยคำร้องของ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ร่วมกับส.ว.อีก 28 คน เข้าชื่อต่อประธานวุฒิสภา วินิจฉัยความเป็นนายกรัฐมนตรีของ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ให้สิ้นสุดลง ตามมาตรา 182 วรรค (7) ประกอบมาตรา 268
จากกรณีการโยกย้าย “ถวิล เปลี่ยนศรี” จากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งล่าสุดศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้คืนตำแหน่ง
ฟากฝั่งผู้ชุมนุมทั้ง “กปปส.” และ “นปช.” เกร็งกันว่าประเด็นดังกล่าวจะกลายเป็นจุดผลิกผันสำคัญ เพราะสามารถลัดขั้นตอนได้เร็วกว่าคดีอื่น ที่ “ยิ่งลักษณ์” โดนติดชื่อบัญชีดำเอาไว้
บุคคลที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งหนีไม่พ้น “ถวิล”
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org จึงขอจับเข่าคุยกับ “ถวิล” แบบเปิดใจ เพื่อให้รับรู้ว่าอารมณ์-ความรู้สึก-ชีวิต-จิตใจ ของชายชื่อ “ถวิล” ในวันที่คดีโยกย้ายข้าราชการ กำลังเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของการเมืองไทยหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์
@ รู้สึกอย่างไรที่คดีการโยกย้ายอาจจะทำให้สถานะของนายกฯสิ้นสภาพได้
มีข้อกล่าวหาอยู่จากฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาล ว่าองค์กรอิสระรับงาน ทำเรื่องอื่นไม่ทันเลยเอาเรื่องผมมาเล่น เพราะเห็นว่ามันเร็วดี ความจริงศาลรัฐธรรมนูญมี 9 คน ท่านทำอะไรก็ต้องยึดถือกฎหมายเป็นเกณฑ์ ทำอะไรไม่มีเหตุผลไม่ได้หรอก ตอนนี้คนแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คนเสื้อแดงวิจารณ์มากหน่อย ฝั่งกปปส.เข้าก็ดีใจหน่อย
“ฝ่ายนปช.เขาไม่พอใจเพราะคิดว่าตัวเองเสียเปรียบ ศาลก็อยู่บนตัวกฎหมาย มติของศาลเขาก็เป็นอิสระ คงได้ดูกฎหมายถี่ถ้วนแล้ว การวินิจฉัยผู้ที่เสียประโยชน์ไม่พอใจต่อว่าแน่นอน ผมก็เขาใจตรงนี้ ประเด็นที่ต้องคิดกันคือสถานะภาพของนายกฯ ศาลคงมีคำวินิจฉัยออกมา ว่ายังคงมีความจำเป็นวินิจฉัยสถานะอีกหรือไม่ ผมไม่มีความรู้เพียงพอที่จะพูด”
@ ฝั่งนปช.พยายามเปรียบเทียบว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยย้ายพล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา อดีตเลขาธิการสมช.เหมือนกัน แต่ไม่มีการฟ้องร้องดำเนินคดี
ก็ตอนนั้นไม่ได้ฟ้องร้องเลยไม่มีประเด็นว่าการที่นายกฯอภิสิทธิ์ ย้ายพล.ท.สุรพลชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งมันคนละประเด็นกัน เพราะนายกฯอภิสิทธิ์ย้ายออกมาเพื่อความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีเรื่องการเอาญาติขึ้นมาทำงาน กรณีผมไม่ได้ย้ายไม่ได้เพื่อความเหมาะสมการทำงานอย่างเดียว มันต่างกันเยอะ แต่เขาพยายามเอามารวมกัน
“ผมคิดว่าการที่พล.ท.สุรพลไม่ได้ร้องศาล ศาลจึงไม่มีโอกาสวินิจฉัย มันจึงเทียบกันไม่ได้ เขาก็พยายามพูดกันไป สิ่งที่บ่งชี้คือรัฐบาลอภิสิทธิ์เข้ามาทำงานเกือบ 1 ปี ถึงย้ายพล.ท.สุรพลออก แต่ตอนที่นายกฯยิ่งลักษณ์ย้ายผม ผมคิดว่านายกฯยังหาห้องน้ำในตึกไทยไม่เจอเลย ยังไม่ทันรู้เลยว่าผมทำงานได้หรือไม่ มาย้ายผมแล้ว จึงเป็นที่มาที่ผมต้องไปร้อง”
อีกอย่างคือประเด็นตอนนั้นสุรพลทำไมไม่ร้อง แม้แต่ตัวพล.ท.ภราดร เอง ทำไมไม่ร้อง ถ้าย้อนไปอีกสุรพลย้ายมาจากไหน ก็มาจากทหาร มาก็เบียดคนอื่นเขา มาเปลี่ยนประเภทจากข้าราชการทหารมาเป็นข้าราชการพลเรือน เขาอาจจะมีแผลตรงที่เป็นทหารมาก่อนเลยไม่ร้อง เขามีเหตุผลน้อยกว่าผมเขาเลยไม่ร้อง ผมโตมาในสายงานสมช.โดยตรง
@ รู้สึกอย่างไรถ้าคดีโยกย้ายตัวเองจะเป็นต้องทำให้รัฐบาลสิ้นสภาพ
ก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกันว่านายกฯยืนยันว่าถูกเรียกร้องให้ลาออก นายกฯยืนยันไม่ลาออก และแม้จะถูกศาลสั่งให้แพ้ในพ.ร.บ.นิรโทษกรรม กฎหมายกู้เงิน การแก้รัฐธรรมนูญ เป็นต้น นายกฯแพ้ในเกมนโยบายสำคัญ ก็ไม่ยอมลาออก ยังพูดว่าขอตายในสนามประชาธิปไตย เหมือนนักรบที่ตายในสนามรบ ถ้ามาสะดุดในประเด็นย้ายข้าราชการอย่างผม เท่ากับว่ามาเสียท่ากับเรื่องเล็ก เรื่องที่ไม่คาดฝันมาก่อน และนายกฯอาจจะตายน้ำตื้นเพราะคดีผม ไปพลาดท่าในสิ่งที่ไม่ควรพลาดท่า
“แต่ในผมจริงๆไม่รู้สึกดีใจเศร้าใจ ผมถือว่าเรื่องของผมจบแล้ว เขาคืนตำแหน่งให้ผมแล้ว ผมไม่อยากยุ่งยากแล้ว ผมอยากจะกลับไปทำงานให้เกิดประโยชน์มากกว่า ทางส.ว.เขาหยิบประเด็นนี้มาเป็นสาธารณะ ก็เป็นแค่นั้น ผมไม่มีความรู้สึกอะไรด้วย”
@ ควรหรือไม่ที่รัฐบาลต้องมาสิ้นสภาพกับการโยกย้ายข้าราชการ
ผมเคยทำงานกับนายกฯหลายคน ถ้านายกฯสิ้นสภาพควรเป็นการทุจริต ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นต้น แต่เรื่องการย้ายข้าราชการในแง่ของผมมันก็แปลกๆ แต่ในแง่กฎหมายมันก็คิดได้
@ เกรงว่าฝ่ายตรงข้ามจะโกรธแค้นที่เป็นต้นเหตุหรือไม่
มันโกรธไม่ได้ ตอนนี้เขาไม่พูดเรื่องของผม ถามว่าไม่น่าจะมีคดีของผม มันก็พูดไม่ได้ ไม่ใช่ผมวางแผนยั่วนายกฯ มาย้ายผม ผมไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากนี้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวผมเอง แล้วคนเสื้อแดงเขาก็เกลียดผมอยู่แล้ว เขาไม่เกลียดผมไปมากหรือน้อยกว่านี้หรอก
“ตลอดเวลาที่ผมต่อสู้กับนายกฯ ผมไม่ได้รุกรานนายกฯ โกรธผมได้อย่างไร เกลียดผมได้อย่างไร นายกฯรุกรานผมต่างหาก ผมอยู่หน้าบ้านผมดีๆ มาไล่ให้ผมไปอยู่หลังบ้าน ตอนนี้ศาลพาผมมาอยู่หน้าบ้านก็เท่านั้น การต่อสู้ก็ทำเปิดเผย ใช้กลไกที่เปิดเผย ใครจะทำอะไรผมก็ควรใช้กลไกที่เปิดเผยเช่นกัน”
@ ชื่ออาจจะถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ผมไม่มีความรู้สึกอยากให้จารึกหน้าประวัติศาสตร์ผมอย่างนั้น แต่มันสะท้อนว่าคนเป็นนายกฯที่ทำอะไรให้ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญ กรณีนี้ถ้านายกฯไม่เห็นแก่พรรคพวกก็ไม่มีเรื่อง ไม่รีบร้อนแต่งตั้งคนของตัวเองมันก็ไม่คดี มันเป็นเรื่องของกฎของกรรม เหมือนพระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าอย่าได้ตั้งอยู่ในความประมาท ถ้าทำตามกฎหมายตรงไปตรงมามันก็จบ