“สมชาย – เกชา” รับ “นายกฯม.7” ตั้งได้ ยันทำทุกอย่างเพื่อผ่าทางตัน
“สมชาย – เกชา” รับ “นายกฯม.7” ตั้งได้ ยันต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ปัญหาถึงทางตัน ลั่นหลังสงกรานต์มี “เซอร์ไพรส์” หวัง “ส.ว.ชุดใหม่” เป็นอิสระทางการเมือง ย้ำหากทำหน้าที่ “ถอดถอน” ได้ จะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2557 ที่สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในงานเสวนา “ปอกเปลือกสภาสูง : เกมอำนาจ การตรวจสอบและผลประโยชน์” นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา และนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ อดีตส.ว.ราชบุรี กล่าวตอนหนึ่งถึงกรณีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 7 และกรณีการถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร
นายสมชาย แสวงการ กล่าวถึงกรณีการแต่งตั้งนายกฯ ม.7 ว่า ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 7 นั้น ระบุไว้อยู่แล้วว่า ในกรณีที่ไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้แก่กรณีใด ให้วินิจฉัยไปตามประเพณีการปกครอง หมายความว่า อะไรที่เคยทำได้ ก็ต้องนำมาเทียบเคียง ถ้าเปรียบกับกฎหมายอาญา ก็คือใช้กฎหมายเทียบเคียงแทน สมมติ เกิดกรณีสงสัยว่า หากไม่มีนายกรัฐมนตรี ไม่มีรักษาการนายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่มีวุฒิสภา ไม่สภาผู้แทนราษฎร จะทำอย่างไร เพราะในรัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องมีนายกฯ ต้องมีครม. ดังนั้นต้องดูว่าอะไรมาแทนได้
“บางคนก็ตีความว่า ส.ว. เป็นสภานิติบัญญัติที่มีอยู่ จึงกำหนดให้ใช้ ม.7 แทน ส่วนในกรณีนายกฯนั้น ก็อาจตีความว่าในสมัยนายสัญญา ธรรมศักดิ์ (อดีตนายกฯ) ก็เคยมาจากกรณีดังกล่าว แต่ผมคิดว่าเป็นคนละรัฐธรรมนูญ หากถามว่าตอนนี้ใช้ได้หรือไม่ ผมตอบเพียงว่า ในเมื่อมันไม่มี และมันเกิดปัญหาขึ้น ในที่สุดทุกกรณีนี้แล้วก็ต้องหยิบ ม.7 มาใช้เพื่อแก้ปัญหาไม่ให้ถึงทางตัน แต่ไม่ใช่กรณีนายกฯอย่างเดียว สำหรับ ม.7 ใช้กับอะไรก็ได้ที่ไม่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ” นายสมชาย กล่าว
ขณะที่ นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ กล่าวว่า ถ้าเราต้องการให้ประเทศเดินไปได้ มันก็ต้องมีทางออกถูกหรือไม่ จะอย่างไร หรือวิธีการใดก็แล้วแต่ จะใช้จารีตประเพณี จะเคยทำหรือไม่เคยทำ แต่ถ้ามันทำให้ประเทศเดินหน้าได้ก็ต้องทำ และตนเชื่อว่าหลังสงกรานต์นี้จะได้เห็น และให้จับตาดูตอนปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมดูให้ดี จะได้เห็นเหตุการณ์อะไรต่อไปอีก
ส่วนกรณีการถอดถอนนายนิคม และนายสมศักดิ์ นั้น นายสมชาย กล่าวว่า ตามความเห็นตน นายนิคม ผิดจริง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็เห็นตามตนว่าผิดเช่นกัน ทีนี้ ส.ว. ชุดใหม่ ก็ต้องมาดูข้อมูลตามที่ผมยื่นให้กับ ป.ป.ช. ไป ซึ่งตนมีข้อมูลเรียงเป็นแฟ้ม และเราก็ได้ทำหน้าที่ของเราไปแล้ว ดังนั้นหวังว่า ส.ว. ชุดใหม่ จะแสดงความเป็นอิสระ และมีเหตุมีผล ไม่เหมือนที่สื่อนำไปลงว่าท่านอยู่ข้างพรรครัฐบาล หรือข้างพรรคฝ่ายค้าน
“ผมคิดว่ายังมีความหวังอยู่ที่สังคม และถ้าทำได้ กรณีนี้ผมว่า ส.ว. ก็ยังทำหน้าที่ถอดถอนได้ โดยขณะนี้การแก้กฎหมายเราทำได้ดีแล้ว แต่การตรวจสอบถ่วงดุลเรายังทำได้น้อยมาก และการถอดถอนบุคคลเราก็ยังไม่เคยทำสำเร็จ ดังนั้นถ้าทำหน้าที่ถอดถอนให้เห็นได้ ไม่ใช่กรณีนายนิคม หรือนายสมศักดิ์ เพียงแต่ให้สังคมเห็นว่าเราทำได้จริง ๆ อย่างนี้ผมว่า ส.ว. สมควรได้รับการชื่นชม หรือบอกว่าให้ทำหน้าที่อยู่ต่อไป” นายสมชาย กล่าว
ส่วน นายเกชา กล่าวว่า เราจะไปก้าวล่วง ส.ว. ชุดใหม่ไม่ได้ แต่ถ้ามองในชุดเดิม ตนคิดว่าคงเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ดีถ้าดูชุดใหม่ก็ต้องมาดูกันว่าเขาจะไตร่ตรองความผิดกันอย่างไรก็คงว่ากันต่อไป แต่เราคงไม่ก้าวล่วงเขา