คดีจำนำข้าว ประจวบเหมาะ ลงล็อค หรือป.ป.ช. ตั้งธงเล่นงาน “ยิ่งลักษณ์”
คดีจำนำข้าว หลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขีดเส้นให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เรียกว่า หักปากกาเซียนเลยทีเดียวเมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปชี้แจง ป.ป.ช. ด้วยตัวเอง พร้อมขอให้สอบพยานบุคคลเพิ่ม 11 ปาก
ขณะที่ที่ประชุม ป.ป.ช. วันต่อมาพิจารณาให้สอบเพิ่มได้เพียง 3 ปากเท่านั้น คือ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมว.พาณิชย์ นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง โดยจะเรียกมาสอบในประเด็นความเสียหายทางการเงินและการคลังของประเทศ
นายเมธี ครองแก้ว อดีตกรรมการ ป.ป.ช. เป็นบุคคลหนึ่งที่คิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่มาชี้แจง ป.ป.ช. โดยเมื่อถูกถามว่า คิดเห็นอย่างไรกับการให้สัมภาษณ์ของรักษาการนายกฯ ที่ร้องขอความเป็นธรรมจากป.ป.ช.พร้อมกับระบุข้อกล่าวหาทุจริตเป็น "จินตนาการ" เพราะขาดพยานหลักฐานสนับสนุน สุ่มเสียงออกไปในทำนองดิสเครดิตองค์กรนี้นั้น
อดีตกรรมการ ป.ป.ช. บอกเป็นเรื่องปกติ และว่า หากใครคุ้ยเคยแนวทางการต่อสู้ทางกฎหมาย ก็จะออกมาในลักษณะแบบนี้ “คุณไม่มีอำนาจบ้าง” เป็นเรื่องธรรมดา เพราะทุกคดีที่มีการส่งขึ้นสู่ศาล แม้กระทั่งศาลฎีกา ก็จะมีการบอก “ศาลฎีกาไม่มีอำนาจ” “ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจ” ก็จะใช้วิธีการแบบนี้ พวกเราคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้แล้ว
สำหรับการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางเข้าชี้แจงคดีทุจริตโครงการจำนำข้าวด้วยตนเอง นายเมธี เห็นว่า หาก ป.ป.ช. จะเล่นไม้ตาย ก็จะใช้โอกาสนี้ “บี้” น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เลย แต่… ป.ป.ช. ไม่ทำ
เมื่อถามย้ำว่า ทำไม ?
นายเมธี เชื่อว่า จริงๆ แล้วป.ป.ช.เห็นใจนายกฯ จะไปตายไป คนไปกล่าวหาป.ป.ช. ทำไม่ถูก 2 มาตรฐาน ไม่ให้ความเป็นธรรม แถมนายกฯ ยังไปว่ากล่าว ป.ป.ช. อีก
“ผมรู้ดีว่า กรรมการ ป.ป.ช. Favor (ช่วย) ยิ่งลักษณ์จะตายไป ขอยืดเวลาก็ยืดให้แล้ว ไม่มาคัดสำเนาด้วยตัวเอง ก็ไม่เป็นไร ให้คนเดียว (ตามความเข้าใจของผม) ที่ยอมให้ทนายความ ไปคัดสำนวนได้ เป็นคนเดียวในประวัติไม่เคยมี นอกจากมีเหตุผลนอนอยู่ หรืออยู่ต่างประเทศ มาไม่ได้ ป.ป.ช.Favor ยิ่งลักษณ์จะตายไป การมาต่อว่า ป.ป.ช. ผมเห็นว่าไม่ถูก”
ขณะที่ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ปฏิเสธให้ความเห็น ในเรื่องคดีความของนายกฯ
“คดีเรื่องพวกนี้ยาก ต้องใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนอีกนานมาก หลายกรณีที่มีผู้มีอิทธิพลหรือนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ปัญหาจึงสลับซับซ้อน
ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตป.ป.ช.เร่งรัดการไต่สวนคดี ดร.นิพนธ์ มองถึงข้อเท็จจริงว่า การสอบสวนของป.ป.ช.เสร็จก่อนการยุบสภา แต่การดำเนินคดีช่วงเวลาดำเนินการมาบังเอิญลงล็อคในช่วงนี้ ทำให้ถูกมอง ป.ป.ช.ตั้งใจจะเล่นงานรัฐบาล
พร้อมกับแสดงความเห็นตอกย้ำ โครงการจำนำข้าว ไม่ควรจะเดินต่อ เพราะสร้างความเสียหายรุนแรงมาก "เราก็รู้ว่าจำนำข้าวขาดทุนอย่างเดียว ระยะเวลา 2 ปี ขาดทุน 4 แสนกว่าล้านบาท จากที่ใช้เงินไป 7-8 แสนล้านบาท คำนวณคร่าวๆ แค่ขั้นตอนทุจริตการระบายข้าว ก็อยู่ราวๆ 6 - 8 หมื่นล้านบาท ผมถือว่าเยอะมาก นี่ยังไม่รวมกับขั้นตอนในการทุจริตในขั้นตอนอื่น ๆ ซึ่งประมาณการอยากมาก”
สุดท้ายเมื่อถามถึงความคาดหวังการดำเนินคดีของ ป.ป.ช.จะสามารถจับนักการเมืองมาลงโทษได้หรือไม่ ในฐานะที่เกาะติดโครงการนี้มาตั้งแต่ต้น ดร.นิพนธ์ กล่าวอย่างมีหวังว่า หลังจากที่ป.ป.ช.ใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนกว่า 1 ปี มีพยานหลักฐาน มีข้อมูลมากเพียงพอ มีการสอบบุคคล มีการเรียกพยานบุคคลต่างๆ มาจำนวนมาก รวมทั้งมีหลักฐานเป็นแคชเชียร์เช็ค
"ผมคาดหวังว่า ถ้าป.ป.ช.ตัดสินคดีนี้ที่มีหลักการที่ชัดเจนแล้ว จะสร้างความน่าเชื่อถือว่า ป.ป.ช มีน้ำยา"