วันข้าราชการ “ถวิล”ฝากพี่เพื่อนน้อง รักศักดิ์ศรี หยุด“กวักมือ” เรียกนักการเมือง
“ 1 เมษายน ผมอยากจะส่งสารไปถึงข้าราชการ ทั้งพี่ทั้งเพื่อนทั้งน้อง อยากจะบอกว่า เราเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแนวทางในการรับใช้ประชาชนให้เราอยู่แล้ว”
นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา ในโอกาสวันข้าราชการพลเรือน โดยให้ทรรศนะข้าราชการต้องมีปากมีเสียของเราเอง ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง ยึดมั่นในผลประโยชน์ของคนในชาติ ไม่ใช่ไปตามฝ่ายการเมือง โดยหวังลาภยศสรรเสริญส่วนตัวหรือหวังความก้าวหน้าส่วนตัวเลยลืมอุดมการณ์
“แน่นอนว่า ในปัจจุบันนี้เครื่องมือเครื่องไม้ที่จะป้องกันเราจากการถูกรังแกต่างๆ ยังมีไม่พร้อม ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นหน้าที่ของพวกเราข้าราชการที่จะต้องแสวงหาเครื่องมือที่มาใช้ขจัดการทุจริต แต่ไม่ใช่ว่ากลัวจนยอมสละเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ยอมเสียสละเกียรติด้วยความกลัวอำนาจด้วยความขาดก็ไม่ถูกต้องและไม่ควร”
พร้อมกันนี้ ในฐานะข้าราชการ นายถวิล เรียกร้องให้ข้าราชการลุกขึ้นมาปกป้องศักดิ์ศรี หลังจากที่ผ่านมา พบว่า มีข้าราชการส่วนหนึ่งที่ไม่รักเกียรติไม่รักศักดิ์ศรี ยอมทำหลายสิ่งหลายอย่าง เพื่อแลกมาให้ได้ซึ่งผลประโยชน์ แม้ว่า ข้าราชการส่วนใหญ่ยังเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ แต่ก็อยากเรียกร้องให้ข้าราชการมีความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ซื่อสัตย์ต่อประชาชน เพราะเราเป็นข้าราชการของประชาชนเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อถามถึงภาพลักษณ์ด้านลบของข้าราชการ โดยเฉพาะถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย “ข้าราชการเป็นเครื่องมือรับใช้นักการเมือง” นั้น นายถวิล มองว่า ข้าราชการมีระบบ มีหลักการอยู่แล้ว คือ ระบบคุณธรรมที่เรียกระบบคุณธรรมจริงๆ เป็นสิ่งที่คู่กับระบบราชการ ซึ่งจะทำให้ระบบราชการสามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้
นั่นหมายถึงระบบราชการทำให้การเติบโต การบริหารงานบุคคล การเข้าสู่ตำแหน่ง การเลื่อนชั้นเลื่อนเงินเดือน เป็นไปตามระบบคุณธรรมที่ใช้ความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง มีจริยธรรมมีความซื่อสัตย์ มีผลงานเติบโตขึ้นมาตามลำดับชั้น มีความรับผิดชอบในการทำงาน
ในขณะที่เครื่องมือระบบราชการอย่างระบบคุณธรรมที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศถูกก้าวก่ายถูกแทรกแซงจากระบบทางการเมืองที่มีอำนาจมากขึ้นในปัจจุบัน โดยอำนวยประโยชน์ให้ข้าราชการหากเชื่อฟังและเป็นพวกด้วย
ทั้งนี้เมื่อระบบราชการไม่เป็นไปตามระบบคุณธรรมก็เกิดระบบของนักการเมืองที่สร้างระบบอุปถัมภ์ขึ้นที่ฝ่ายการเมืองใช้เป็นเครื่องต่อรองผลประโยชน์กับราชการ โดยการเข้ามาทุจริตคอร์รัปชั่น หรือหาผลประโยชน์ให้กับพวกพ้องของตนเอง
ทางกลับกันบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถก็ไม่สามารถเติบโตขึ้นได้ตามสายงานที่ควรจะเป็นถูกตัดสิทธิ์ด้วยกลไกของระบบอุปถัมภ์ที่นักการเมืองสร้างขึ้นมา จนะในที่สุดผลร้ายก็ตกอยู่กับประชาชน ตกอยู่กับประเทศ ประชาชนไม่มีที่พึ่ง
สิ่งเหล่านี้ นายถวิล ย้ำชัดว่าทำให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่มีประสิทธิภาพและสิ้นเปลือง ซึ่งในปัจจุบันการทุจริตก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
"หากจะโทษนักการเมืองทั้งหมดก็ไม่ได้ ทางข้าราชการเองก็ “กวักมือเรียก” ฝ่ายนักการเมืองเช่นกัน โดยเปิดทางให้มาก้าวก่ายแทรกแซงภายในระบบอย่างเต็มใจ ซึ่งข้าราชการก็ได้รับผลประโยชน์ ข้าราชการที่หวังอยากจะเติบโตทางลัด ซึ่งไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ ไม่มีความอดทนขยันมั่นเพียร อยากเติบโตแบบก้าวกระโดดก็หวังอาศัยทางการลัด โดยให้นักการเมืองให้เข้ามาแทรกแซงเพื่อที่ตัวเองจะได้มีโอกาสได้เติบโตและก้าวหน้าขึ้นไป"
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วทางฝ่ายการเมืองก็ยิ่งสบายใหญ่สามารถเข้ามาแทรกแซงระบบข้าราชการได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดการแทรกแซงจากนักการเมือง มีหนทางไหนบ้างนั้น นายถวิล เห็นว่า กระบวนการที่จะป้องกันหรือว่าจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ เมื่อไปถึงชั้นคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมก็ดี ศาลปกครองก็ดี ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เวลา
"เหมือนตัวผมที่กว่าจะได้คืนตำแหน่งต้องใช้เวลาตั้ง 2 ปี 6 เดือนหลังจากย้ายตำแหน่งแล้วถึงจะได้คืนตำแหน่งเดิม ซึ่งการใช้เวลาแบบนี้ก็เข้ากับภาษิตที่ว่า “ความยุติธรรมที่มาช้า ก็คือความไม่ยุติธรรมนั่นเอง”
ในขณะเดียวกันก็มีแนวทางในรัฐธรรมนูญที่เราสามารถรวมกันเป็นสหภาพได้ คล้ายๆ กับสหภาพรัฐวิสาหกิจ ซึ่งถ้าเราสามารถรวมตัวกันได้ในทุกกระทรวง ก็จะมีอำนาจต่อรองมากขึ้น อนาคตข้างหน้าฝ่ายการเมืองทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ต้องข้าราชการก็สามารถที่จะไม่ทำตามหรือต่อต้านการกระทำที่ไม่ถูกได้ โดยมีเครื่องมือการป้องกันตัวเองคือการรวมตัวกันเป็นสหภาพเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
และนี่คือบทสัมภาษณ์สั้นๆ จากข้าราชการมืออาชีพ ความท้าทายและความหวัง ในโอกาสวันข้าราชพลเรือน...