ไม่ฟันธงมาเฟียมีจริง ‘ดร.สมไทย’ แนะปลูกสำนึกคัดแยกขยะที่บ้านแก้ล้นเมือง
‘ดร.สมไทย วงษ์เจริญ’ ชี้สร้างบ่อกำจัด-เตาเผาถูกวิธีไม่แก้ปัญหาขยะล้นเมือง ระบุต้องรณรงค์ปลูกจิตสำนึกคนไทยคัดแยกตั้งแต่ที่บ้าน ปัดตอบปม ‘มาเฟีย’ คุมผลประโยชน์บ่อขยะ หนุนติดจีพีเอส-บาร์โค้ดติดตามรถขนส่งจนถึงขั้นตอนสุดท้าย
จากกรณีกรมควบคุมมลพิษเปิดเผยข้อมูลปริมาณขยะสะสมที่ไม่ผ่านการกำจัดอย่างถูกวิธี ประกอบกับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้บ่อขยะแพรกษา จ.สมุทรปราการ จนทำให้ภาคประชาสังคมตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุอาจเกิดจากการบริหารจัดการ ลักลอบทิ้งกากของเสียอันตราย รวมถึงการมีกลุ่มมาเฟียที่มีอิทธิพลต่อการจัดการขยะนั้น
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สัมภาษณ์ดร.สมไทย วงษ์เจริญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วงษ์พาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้นำธุรกิจรีไซเคิลต่อปัญหาขยะเมืองว่า ความจริงแล้วขยะที่ไม่ผ่านการกำจัดอย่างถูกวิธีจนสะสมมากขึ้นนั้น เป็นปัญหาสะสมที่มีมานานกว่า 100 ปีแล้ว เนื่องด้วยรัฐบาลขาดการปฏิบัติงานอย่างจริงจังเกี่ยวกับการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมมือคัดแยกขยะตั้งแต่ที่บ้าน ปล่อยให้เก็บขยะไว้โดยไม่แยกประเภท และนำไปทิ้งรวมกันในหลายสถานที่ จนสร้างปัญหาระอุขึ้นมา ถึงขนาดกลายเป็นเรื่องร้อนแรงในอาเซียนในด้านการจัดการของไทย
แม้ปัจจุบันจะมีความพยายามสร้างบ่อฝังกลบขยะขึ้น แต่ถูกต่อต้านจากประชาชน เพราะต่อให้ดำเนินการถูกวิธีอย่างไรก็เชื่อว่า ฝังกลบขยะไม่ได้ เพราะจะส่งกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง กระทบผู้อาศัยข้างเคียงในรัศมี 20 กม. และหากจะสร้างเตาเผาขยะนั้นก็จะทำให้เกิดควันพิษที่เป็นบ่อเกิดของสารก่อมะเร็ง ประชาชนก็ไม่ยอมเช่นกัน
“ผมว่าวันนี้ปัญหาขยะค่อนข้างรุนแรงแล้ว และการที่กรมควบคุมมลพิษเริ่มออกมาปฏิบัติการนั้นทำให้รู้สึกดีใจแทนคนไทยด้วยกัน ซึ่งเริ่มจะเห็นเงาความหวังแห่งความสำเร็จ แต่ทั้งนี้ จำเป็นต้องใช้งบประมาณพอสมควรจากรัฐบาลในการจัดการ” ปธ.กก.บริหาร บ.วงษ์พาณิชย์ กล่าว
ดร.สมไทย กล่าวถึงสถานที่กำจัดขยะถูกต้องที่มี 466 แห่งนั้น ถือว่ายังไม่เพียงพอเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณขยะในประเทศ แต่ถึงจะมีสถานที่มากเพียงไรก็ตาม ส่วนตัวมองว่า บ่อฝังกลบขยะนั้นยังคงส่งผลกระทบต่อสังคมอยู่ดี เพราะวันหนึ่งขยะต้องเต็มบ่อ และเมื่อนั้นจะทำอย่างไรต่อไป ด้วยคงขยายพื้นที่ไม่ได้แล้ว
สำหรับกรณีภาคประชาสังคมระบุปัญหาขยะแก้ไม่ได้ เพราะมี ‘มาเฟีย’ คุมผลประโยชน์นั้น ดร.สมไทย กล่าวว่า คงไม่กล้าวิจารณ์เรื่องเหล่านี้ เพราะแต่ละบุคคลที่มีเส้นทางลำเลียงขนส่งขยะล้วนมองว่าทำถูกต้องทั้งสิ้น จึงขออนุญาตไม่พาดพิงถึงใคร ซึ่งความจริงแล้วอาจจะไม่มีก็ได้
อย่างไรก็ตาม กรณีกระแสข่าวอาจมีการลักลอบทิ้งขยะที่มีสารอันตรายในบ่อขยะแพรกษา จ.สมุทรปราการ จนเกิดเพลิงไหม้นั้น ดร.สมไทย กล่าวอีกว่า หากมองโลกในแง่ดี ตามปกติเมื่อมีขยะทับถมในปริมาณมากและนานวันสามารถเกิดแก๊สมีเทนที่เป็นบ่อเกิดเพลิงไหม้บ่อขยะได้ จงอย่าไปโทษใคร เพราะคงไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้ว
กรณีผู้ก่อมลพิษจ่ายค่าขยะเเละมีการสั่งปรับผู้ลักลอบทิ้งกากของเสียอันตรายน้อยเกินไป ดร.สมไทย ระบุว่า เมื่อเทียบกับต้นทุนการกำจัดขยะแล้วอาจสร้างแรงจูงใจให้คนลักลอบทิ้งขยะมากกว่า แต่การจะสั่งปรับจำนวนเงินที่มากหรือลงโทษประหารชีวิตผู้กระทำผิด ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาในการกำจัดขยะที่ถูกวิธี เพราะวิธีที่ดีที่สุด คือ ต้องกำจัดที่ต้นเหตุของปัญหา ให้ผู้ก่อให้เกิดขยะร่วมมือกันรับผิดชอบ และจำเป็นต้องตรวจสอบขั้นตอนการลำเลียงขยะจากแหล่งอุตสาหกรรมจะถึงสถานที่กำจัดด้วยสัญญาณจีพีเอสหรือบาร์โค้ดติดที่รถขนส่งขยะ เพื่อการติดตามจนถึงขั้นตอนสุดท้าย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของสำนักสิ่งเเวดล้อม กรุงเทพฯ ระบุขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ นั้นได้ถูกรวบรวมขนส่งไปยังสถานีขนถ่ายมูลฝอย 3 แห่ง ได้แก่ สถานีขนถ่ายมูลฝอยสายไหม สถานีขนถ่ายมูลฝอยหนองแขมและสถานีขนถ่ายมูลฝอยอ่อนนุช จากนั้น มูลฝอยทั่วไปจะถูกขนถ่ายไปฝังกลบยังหลุมฝังกลบในอ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และหลุมฝังกลบในอ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ส่วนมูลฝอยอินทรีย์ส่วนหนึ่งนำไปทำปุ๋ยหมักที่โรงปุ๋ยอ่อนนุช
สำหรับมูลฝอยติดเชื้อรวมถึงมูลฝอยอันตรายอื่นๆ กรุงเทพฯ ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนดำเนินการขนส่งและกำจัดด้วยวิธีการเฉพาะ ซึ่งจะเห็นว่า 'มูลฝอยอันตราย' จากสถานีีมูลฝอยทั้ง 3 เเห่งนั้น ได้ถูกขนส่งไปยัง 'เตาเผามูลฝอยอันตราย จ.สมุทรปราการ' จึงตั้งข้อสังเกตว่า ขยะอันตรายที่มีปริมาณมากในสมุทรปราการอาจไม่ใช่ขยะที่เกิดขึ้นจากคนในพื้นที่เอง หากเเต่มีส่วนหนึ่งมาจากคนกรุงเทพฯ ด้วย นอกจากนี้ยังอาจจะมีผลทำให้เกิดการลักลอบทิ้งได้ง่ายในพื้นที่โดยรอบระหว่างการขนส่ง