อดีตทูตฯเสนอตั้ง ‘สหภาพข้าราชการ’ กันนักการเมืองล้วงลูก-ซ่องสุมคนให้เป็นพวก
วงเสวนาปฏิรูประบบราชการ เห็นตรงกันเสนอปฏิรูปความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายการเมือง-ข้าราชการประจำ กันนักการเมืองล้วงลูกตั้ง ‘มีวันนี้เพราะพี่ให้’ เชื่อมีสหภาพ จะเป็นภูมิคุ้มกัน สร้างอำนาจต่อรองได้ รวมถึงให้ ก.พ.เป็นองค์กรอิสระ
วันที่ 21 มีนาคม คณะกรรมการประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) จัดเวทีระดมความคิดเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ครั้งที่ 6 เรื่อง “การปฏิรูประบบราชการ” ณ อาคารศูนย์เยาวชน สวนลุมพินี โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวว่า ความสำเร็จของการพัฒนาประเทศที่ผ่านมาคือความเข้มแข็ง ประสิทธิภาพ คุณภาพของระบบราชการ แต่ระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา แม้รูปลักษณ์ภายนอกระบบราชการจะดูเหมือนเดิม แต่เนื้อในกลับถูกกัดกร่อน โดยการเมืองที่เข้าไปบ่อนทำลาย แทรกแซง มีอิทธิพลเหนือระบบคุณธรรม กระทั่งทำให้ข้าราชการแทนที่จะเป็นข้าราชการของแผ่นดิน ก็กลายเป็นข้าของนักการเมือง ซึ่งเป็นภัยอันตราย
ขณะเดียวกันภาพลักษณ์ของข้าราชการนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ระบบคุณธรรม จริยธรรมของข้าราชการ ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ภาพลักษณ์ข้าราชการด้อยค่าลง รวมไปถึงค่าตอบแทนที่น้อยก็เป็นปัจจัยที่บ่อนทำลายประสิทธิภาพของข้าราชการ คนดีๆ มองไม่เห็นลู่ทางจะเจริญก้าวหน้าในชีวิตราชการ ก็ตัดสินใจออกไปอยู่กับภาคเอกชน เป็นต้น
“นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ระบบราชการไทยอ่อนแอ ที่สามารถเห็นได้จากภายนอก ปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขได้ในสถานการณ์ แต่ปัจจุบัน เป็นโอกาสที่จะร่วมกันแก้ไขปฏิรูปสิ่งเหล่านี้แล้ว”
สร้างขรก.ให้มี “มโนสุจริต โกงไม่เป็น”
ขณะที่นายสีมา สีมานันท์ อดีตเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กล่าวว่า ราชการเป็นเสาหลักของบ้านเมือง เป็นเสาหลักที่ไม่เคยหยุดพัก หากมีการปฏิรูปก็อยากเห็นระบบราชการที่มีโครงสร้างและระบบวิธีการที่ทันสมัย คล่องตัว ขณะที่ตัวข้าราชการเองก็ต้องมีคุณภาพและคุณธรรมประกอบด้วย
นายสีมา กล่าวถึงการปฏิรูประบบราชการจำเป็นต้องดูประเด็นที่อยากปรับปรุงแก้ไขอยู่ตรงไหนบ้าง บางอย่างเร่งด่วน บางอย่างรอได้ ที่เร่งด่วนและสำคัญ คือ ด้านการบริหารงานบุคคล ต้องการปฏิรูปความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ เพื่อไม่ให้การเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับข้าราชการประจำ และการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง เราจะสร้างความสมดุลจุดนี้ได้อย่างไร
“ตามกฎหมายรัฐมนตรีแต่งตั้งปลัดกระทรวง และอธิบดี แต่ความเป็นจริงมีการล้วงลูก แทรกแซงจากฝ่ายการเมืองมากกว่านั้น ดังนั้นต้องสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อให้ข้าราชการที่ดีอยู่ได้” อดีตเลขาธิการ ก.พ. กล่าว และว่า นักการเมืองยุคหลังๆ ได้ทำลายระบบราชการลงไป โดยแต่งตั้งพรรคพวกตนเองเข้ามาทำงาน โดยไม่คำนึงถึงผลงาน ความรู้ความสามารถ มีระบบชี้ตัว ก่อนเข้ากระบวนการสรรหา ซึ่งแตกต่างจากการเมืองในอดีตที่ไม่สนใจตัวบุคคล แต่จะสนใจแต่ผลประโยชน์ กระทั่งต่อมามีการนำเอาบุคคลด้วย ถึงจะไปเชื่อม ไปทำให้เรื่องนั้นๆ ประสบความสำเร็จ เช่น นักการเมืองยุคใหม่มาถึงก็มาซ่องสุมผู้คนให้เป็นพรรคเป็นพวก จนเกิดคำว่า “สวามิภักดิ์ ศิโรราบ และมีวันนี้เพราะพี่ให้” โหนนักการเมืองแล้วได้ดี ซึ่งตัวอย่างที่ดีที่สุด คือวงการตำรวจ คอกใครคอกมัน นี่คือภาวะที่ไม่อยากจะเห็น
นายสีมา กล่าวอีกว่า การปฏิรูประบบราชการ ต้องทำให้ข้าราชการทำงานอย่างมืออาชีพ ยึดหลักวิชา มีมาตรฐาน มีความกล้าหาญ มีความซื่อสัตย์สุจริต มี “มโนสุจริต โกงไม่เป็น” ไม่หาประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่ หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติ อนุญาต ทำให้ช้า ทำให้เร็ว หรือประเมินให้มากให้น้อยก็ได้ อย่าให้มี “ออแกไนซ์คอร์รัปชั่น” เกิดขึ้น โดยจุดนี้ต้องทำลายทิ้งให้ได้ แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย รวมไปถึงเรื่องค่าตอบแทนของข้าราชการ เกียรติและศักดิ์ศรี ก็ต้องให้ความสำคัญด้วย
ด้านผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ สำนักวิจัยนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า มีข้อเสนอเพื่อไม่ให้มีการล้วงลูกจากนักการเมือง หรือแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่ไม่เป็นธรรม ดังนั้น คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ควรมีความเป็นอิสระ เหมือนกับ ป.ป.ช. เพื่อพิทักษ์ระบบคุณธรรม ปกป้องสิทธิของข้าราชการ
ส่วนนายพันธุ์ชัย วัฒนชัย อดีตรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิรูประบบราชการ ต้องไม่ลืม ปฏิรูประบบอิทธิพล เจ้าพ่อท้องถิ่นที่มีอยู่ทุกจังหวัดด้วย ซึ่งเรื่องนี้การปฏิรูปยังไม่ได้มีการพูดถึง โดยต้องมีอำนาจ มีองค์กรเข้ามาถอนรากถอนโคนให้หมดไป
เสนอตั้งสหภาพขรก. ภูมิคุ้มกันนักการเมืองล้วงลูก
ขณะที่นายอัษฎางค์ ชัยนาม อดีตเอกอัคราชทูตไทยประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า ข้าราชการยังเป็นทาสของนักการเมืองอยู่ การแก้ปัญหาโดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการนั้น จากการศึกษาประสบการณ์ในต่างประเทศ พบว่า ต้องสร้างอำนาจต่อรองกับนักการเมือง เช่น ในออสเตรเลีย มีการสหภาพข้าราชการ ดังนั้น จึงขอเสนอทุกกระทรวงมีสหภาพข้าราชการประจำกระทรวง และสหภาพข้าราชการของทั้งประเทศ เพื่อป้องกันนักการเมืองแต่งตั้งข้าราชการที่ประจบสอพอนักการเมือง เข้ามากุมอำนาจ
“กระทรวงต่างประเทศเคยคิด แต่น่าเสียดาย รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เคยเปลี่ยนได้ แต่ไม่มีใครทำ หรือสานต่อ เป็นวิธีเดียวสู้นักการเมืองได้ แต่จะสำเร็จหรือไม่ก็ต้องดูกันต่อไป”นายอัษฎางค์ กล่าว และว่า นอกจากนี้ ระบบราชการต้องมีความโปร่งใส เช่น เวลามีตำแหน่งว่าง ก็ประกาศให้คนในกระทรวงมีสิทธิ์รู้ก่อน สมัครได้ โดยไม่อาย เชื่อว่า ความโปร่งใสเช่นนี้จะทดแทนที่ข้าราชการจะใช้ระบบวิ่งเต้นไปกราบนักการเมืองได้
สุดท้ายนายภิญโญ ทองชัย อดีตเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวถึงการปฏิรูประบบราชการ โดยเฉพาะการบริหารงานบุคคลภาครัฐที่มีปัญหา ทั้งระดับปลัด รองปลัด อธิบดี ที่เป็นคนของนักการเมือง วันนี้ต้องตั้งคำถามว่า หน่วยงานอย่าง สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.).ควรขึ้นอยู่กับการเมืองหรือไม่ ควรเป็นมืออาชีพหรือไม่ และควรเป็นองค์กรอิสระหรือไม่ เพราะหาก ก.พ.ยังขึ้นตรงอยู่กับนักการเมือง ปัญหาก็ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างแน่นอน รวมไปถึงระบบแต่งตั้งโยกย้าย อ.ก.พ. มีประสิทธิภาพหรือไม่ หากมีคนนักการเมืองคงไม่มานั่ง นี่ต้องทบทวนใหม่หมด
ทั้งนี้ นายภิญโญ กล่าวด้วยว่า ถึงเวลาแล้วที่ต้องกำหนดเป็นนโยบายสำคัญว่า ราชการต้องมีการนำระบบธรรมาภิบาล ความโปร่งใสมาใช้ รวมถึงระบบการตรวจต้องเข้มข้นขึ้น ลดการทุจริต