แนวโน้มศก.ไทยปี 57 การเมืองยืดเยื้อ-ตั้งรบ.ใหม่ไม่ได้ ร้ายสุดอาจโตเพียง1.4 %
นักวิชาการชี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 57 หากการเมืองยืดเยื้อและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ได้เลวร้ายสุดอาจโตเพียง1.4 % เผยการลดระดับการชุมนุมส่งผลดีต่อบรรยากาศการท่องเที่ยงและการบริโภคของเอกชน
วันที่ 19 มีนาคม 2557 คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) และศูนย์ศึกษาพัฒนาการเศรษฐกิจจัดสัมมนาทางวิชาการ Nida Economic Forum “ผลของวิกฤติการเมืองกับปัญหาเศรษฐกิจไทยปี 2557” ณ อาคารสยามบรมราชกุมารี ห้อง 202 โดยมี ผศ.ดร.ณดา จันทร์สม คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ กล่าวเปิดงาน
ผศ.ดร.ยุทธนา เศรษฐปราโมทย์ ผู้อำนวยการหลักสูตรเศรษฐศาสตร์การเงิน คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ นิด้า กล่าวว่า ปัญหาการเมืองในประเทศและการชุมนุมที่ยืดเยื้อจะยังคงเป็นปัจจัยที่มีผลสำคัญต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่า ในปี 2557 เศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าร้อยละ 3 ซึ่งปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อจะส่งผลต่อรายจ่ายของภาครัฐบาล รวมถึงความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจที่จะกระทบต่อการลงทุนและการบริโภค ดังนั้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2557 จึงคาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวต่อเนื่องตามวิกฤติการเมือง ซึ่งจะทำให้อัตราการขยายตัวต่ำร้อยละ 1.4 ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจน่าจะกระเตื้องขึ้นหากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ2.6
ดร.ยุทธนา กล่าวด้วยว่า แม้ว่าในปัจจุบันนี้จะมีการลดระดับการชุมนุมลงโดยย้ายการชุมนุมไปอยู่ที่สวนลุมพินีเป็นหลักเพื่อช่วยลดระดับความรุนแรงของการชุมนุม แต่ผลจากการคลี่คลายนี้ก็ยังมีอยู่อย่างจำกัด โดยผลดีที่เกิดขึ้น คือ ช่วยปรับบรรยากาศการท่องเที่ยวและการบริโภคในภาคเอกชนบางส่วน
“แต่อย่างไรก็ตามผลจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ทั้งในเรื่องของทิศทางการเลือกตั้งให้เสร็จสมบูรณ์หรือการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่ชัดเจนยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในด้านการเบิกจ่ายงบประมาณในด้านการลงทุนและการชะลอตัวของการลงทุนในภาคเอกชน”
ผอ.หลักสูตรเศรษฐศาสตร์การเงิน คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ นิด้า คาดการณ์ด้วยว่า การเมืองน่าจะเริ่มคลี่คลายในช่วงไตรมาสที่ 2 หลังมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ รวมถึงมีแนวทางในการปฏิรูปที่ชัดเจนทำให้สามารถดำเนินการเพื่อสร้างความสมานฉันท์ได้ แต่หากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้และปัญหาทางการเมืองยังยืดเยื้อต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มีข้อยุติเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ครบถ้วนและการจัดตั้งรัฐบาลจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่น่าจะเริ่มเห็นในไตรมาสที่3 ชะลอลงไปอีก หากคาดการณ์แบบเลวร้ายคือการเมืองยืดเยื้อเศรษฐกิจในบ้านแย่และเศรษฐกิจโลกก็แย่การขยายตัวของเศรษฐกิจอาจจะโตเพียงร้อยละ 1.4 เท่านั้น