บึ้มเบตงรับต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สมาพันธ์เครียดยิงครูดับอีก ญาติร่ำไห้รับศพ นร.รถคว่ำตาย 8
ใต้ป่วนต่อเนื่องช่วงผลัดรัฐบาล คนร้ายลอบวางระเบิดที่เบตง ทหารชุดลาดตระเวนบาดเจ็บอีก 5 นาย ถือเป็นเหตุการณ์ร้ายรับต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯในพื้นที่อีก 60 วัน ขณะที่สมาพันธ์ครูชายแดนใต้เครียด ยิงครูดับอีกศพที่ปะนาเระ ชี้นโยบายดับไฟใต้ยังไม่ชัดครูสังเวยไปแล้วสอง ด้านทหารบุกยึดประทัดล็อตยักษ์ที่โก-ลกหวั่นใช้ทำระเบิด ญาติร่ำไห้รับศพนักเรียนเทศบาลยะลาเหยื่อรถชนประสานงาที่สุราษฎร์ตาย 8
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงตึงเครียดและเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังผ่าน 1 สัปดาห์ของการเลือกตั้งทั่วไป โดยเมื่อเวลา 15.55 น.วันอังคารที่ 12 ก.ค.2554 คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 (ยะลา-เบตง) บริเวณคอสะพาน บ้าน กม.36 หมู่ 3 ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อประทุษร้ายทหารชุดลาดตระเวนเส้นทาง หน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 ซึ่งเดินทางโดยรถฮัมวี่ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 3 คัน กลับจากปฏิบัติหน้าที่ รปภ.เส้นทาง แรงระเบิดทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 5 นาย ประกอบด้วย
1) จ.ส.อ.สำรวย พิมพ์โพธิ์ ศีรษะแตก 2) ส.อ.แดง วงศ์สมัย 3) ส.อ.พัครพงษ์ ยะแก้ว 4) พลทหารวีรพงษ์ ยั่งยืน สามคนนี้อาการสาหัส 4) พลทหารวิกรม พรเมือง 5) พลทหารอนุวัฒน์ สายสิริ ทั้งหมดสังกัดหน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลเบตง เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดส่งท้ายรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพิ่งอนุมัติต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (โดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548) ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ออกไปอีก 60 วัน
สาเหตุที่ขยายเวลาออกไปอีกเพียง 60 วัน แทนที่จะเป็น 3 เดือนตามรอบปกตินั้น ก็เพื่อเปิดโอกาสให้รัฐบาลชุดใหม่ได้พิจารณาถึงความเหมาะสมต่อไป โดยการต่ออายุขยายเวลาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 24 นับจากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาตั้งแต่เดือน ก.ค.2548
ขณะที่เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 11 ก.ค.เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนจ่อยิง นายอัฮมัด สมาแห อายุ 35 ปี ครูอันตราจ้าง และวิทยากรสอนศาสนาอิสลามของโรงเรียนบ้านพ่อมิ่ง หมู่ 3 ต.พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ขณะนั่งดื่มน้ำชาอยู่ที่ร้านน้ำชาในหมู่บ้าน โดยคนร้ายมี 4 คนขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดบริเวณหน้าร้าน จากนั้นหนึ่งในคนร้ายเดินเข้าไปในร้านน้ำชา และใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.จ่อยิง นายอัฮมัด จนเสียชีวิตคาที่
เมื่อวันเสาร์ที่ 9 ก.ค.เพิ่งเกิดเหตุคนร้ายตามประกบยิง นายประหยัด ชูเพ็ชร อายุ 47 ปี ครูพลศึกษาของโรงเรียนพัฒนาอิสลามวิทยา อ.เมืองยะลา เสียชีวิตไปอีก 1 ราย ทำให้สมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องเรียกประชุมกันอย่างเคร่งเครียดเพื่อเรียกร้องกดดันให้ฝ่ายความมั่นคงเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยครู
นายบุญสม ทองศรีพลาย ประธานสมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ครบ 1 สัปดาห์หลังเลือกตั้ง ส่งผลต่อขวัญและกำลังใจครู ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในรูปแบบการแสดงออกของกลุ่มผู้ไม่หวังดีเพื่อเรียกร้องความสนใจจากรัฐบาลต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ เนื่องจากจนถึงขณะนี้แนวนโยบายดับไฟใต้ของรัฐบาลชุดใหม่ยังไม่มีความชัดเจน
ส่วนที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พ.อ.จตุพร กลัมพสุต ผู้อำนวยการกองข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้สั่งการให้ พ.ท.จรัญ เอี่ยมฐานนท์ รองผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 45 ในฐานะคณะทำงานปราบปรามภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 สน.นำกำลังทหารจำนวน 50 นาย ใช้กฎอัยการศึกบุกเข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง เลขที่ 22 และ 23 ถนนเจริญเขต ซอย 13 เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งมี นางเขมิกา ล้อธรรมกุล เป็นเจ้าของ
ผลการตรวจค้น พบประทัดนานาชนิดบรรจุอยู่ในกล่องกระดาษกว่า 100 ใบ วางเต็ม 2 ห้อง มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท โดยนางเขมิกาอ้างว่าประทัดดังกล่าวมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยจะส่งให้ลูกค้าในประเทศมาเลเซียไปขายต่อในช่วงเทศกาลฮารีรอยอในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ได้ประสานให้ทีมนิติวิทยาศาสตร์ของ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เข้าตรวจสอบดินดำที่บรรจุอยู่ในประทัดว่าตรงกับวัตถุพยานที่คนร้ายใช้ก่อความรุนแรงในพื้นที่หรือไม่ เพราะปริมาณดินดำทั้งหมดสามารถนำไปประกอบเป็นกับระเบิดแบบเหยียบได้นับพันลูก
เมื่อค่ำวันอังคารที่ 12 ก.ค.ที่ อ.เมือง จ.ยะลา ญาติของนักเรียนที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี จำนวนนับร้อยคนได้ไปรอรับศพบุตรหลาน ท่ามกลางบรรยากาศอันเศร้าสลด
เหตุการณ์ร้ายครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่ายวันเดียวกัน เมื่อรถสิบล้อบรรทุกไม้ยางพารา หมายเลขทะเบียน 81-4910 พระนครศรีอยุธยา พุ่งชนประสานงากับรถตู้โดยสาร หมายเลขทะเบียน 10-4136 สงขลา ป้ายข้างรถ ยะลา–นราธิวาส บนทางหลวงแผ่นดินสาย 41 (สายเอเซีย) ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 237-238 บ้านมดแดง หมู่ 9 ต.คลองฉนวน อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งรถตู้คันดังกล่าวได้นำนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และ 6 จากโรงเรียนเทศบาล4 (ธนวิถี) และโรงเรียนเทศบาล 5 (บ้านตลาดเก่า) ในเขตเทศบาลนครยะลา รวมทั้งครูผู้ควบคุม จำนวน 15 คนกลับจากการแข่งขันฟุตบอลตามโครงการคัดเลือกนักฟุตบอลดรากอน เนชั่น ไทยแลนด์ ที่กรุงเทพฯ ทำให้มีนักเรียนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที 7 คน รวมโชเฟอร์รถตู้ด้วยเป็น 8 ศพ นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
เวลา 23.30 น. มูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี ได้นำศพนักเรียนและโชเฟอร์มาถึง อ.เมืองยะลา และส่งต่อให้โรงพยาบาลศูนย์ยะลา โดยมี นายประมุข ลมุล รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายภาคใต้ (ศอ.บต.) และ นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครยะลา มารอปลอบขวัญญาติของนักเรียนที่เสียชีวิตด้วย โดยบางรายร่ำไห้จนเป็นลมล้มพับไปกับพื้น
รายชื่อนักเรียนที่เสียชีวิตได้แก่ ด.ช.มะรูยี สะมะแอ ด.ช.ซัลมาน บาดา ด.ช.อิลีย๊ะ ตะเย๊าะ ด.ช.นัสนัน เบญดารา ด.ช.นัสรี หะยีนิมะ ด.ช.ริดวาน อีปง และ ด.ช.อนันต์ อาแว ส่วนคนขับรถตู้ชื่อ นายนิรันดร์ อดิสน ทั้งหมดญาติได้รับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ญาติร่ำไห้รับศพบุตรหลานซึ่งเป็นนักเรียนโรงเรียนเทศบาลใน จ.ยะลา หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตถึง 7 ราย (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)