ความในใจ "ธิดา" โบกมือลาเก้าอี้ "ปธ.นปช."- "ดิฉันไม่ใช่แดงฮาร์ดคอร์"
"..คุณจะให้คนรักทั้งหมดเหรอ คุณต้องดูสิว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นอย่างไร คุณต้องดูว่าคนที่พูดเนี่ย คือดิฉันไม่ใช่ฮาร์ดคอร์ ถ้าตนเป็นฮาร์ดคอร์ด้วยก็คงจะน้อยใจ (หัวเราะ) ดังนั้นถ้าฮาร์ดคอร์ไม่พอใจมันก็ถูกต้องอยู่แล้ว.."
นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงก้าวสำคัญสำหรับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ภายหลังนางธิดา ถาวรเศรษฐ ถอดเสื้อ “เบอร์ 1 นปช.” ส่งต่อให้นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคนสำคัญรับช่วงเป็น “ประธาน” และตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขึ้นสู่ตำแหน่งเลขาธิการ
ซึ่งคนวงในระดับแกนนำ นปช. หลายคนเชื่อมั่นว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ “เหมาะเจาะ” และ “ตรงเป้าหมาย” ที่คนอย่าง “ตู่ – จตุพร” ขึ้นมานำเป็นหัวขบวนการสู้รบ ระหว่างสถานการณ์ที่รัฐบาลสุ่มเสี่ยงจะถูกองค์กรอิสระ “เชือด” ในอีกไม่กี่อึดใจหน้านี้
นอกจากนี้ในช่วงที่ “ธิดา” ดำรงวาระอยู่ในตำแหน่งประธาน นปช. นั้น ถูกตั้งคำถาม และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จาก “แกนนำฮาร์ดคอร์” และแดงอิสระกลุ่มต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลาว่าเป็นผู้นำความขัดแย้งเข้ามาสู่ นปช.
“เขาคิดกันไปสิ ถ้าเขาคิดว่าเราเผด็จการจริงแล้วเขาจะอยู่ได้เหรอ ทำไมเราถึงมีแดงอิสระ หรือมีอะไรอยู่เต็มไปหมด บางคนก็เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยก็หาว่าเรากีดกัน ถ้าเรากีดกันจริงจะมีเหรอที่ออกมาทำกันเยอะแยะ แต่ว่าคนฮาร์ดคอร์จำนวนหนึ่งเขาไม่ชอบตนหรอก เพราะว่าเรานำเสนอสันติวิธี ซึ่งอาจไม่ถูกใจ”
เป็นคำยืนยันจากปากของ “ธิดา ถาวรเศรษฐ” อดีต ประธาน นปช. รุ่นที่ 2 ผู้กุมบังเหียนทัพใหญ่คนเสื้อแดงในยุคเปลี่ยนผ่าน หลังเหตุนองเลือดปี 2553 มาจนถึงใกล้สถานการณ์สู้รบอีกครั้งในปี 2557
ทำไม “ธิดา” ถึงกล่าวเช่นนั้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org มีคำตอบ
เชิญอ่านได้จากบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้
----
@บทบาทต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
มันเป็นการทำงานที่มีรูปธรรมรองรับ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านประสานงานมวลชน ไม่ว่างานด้านการจัดกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นงานด้านต่างประเทศ งานประชุม งานแถลงข่าวต่าง ๆ ยังเป็นภารกิจที่ต้องทำกันอยู่
ยกตัวอย่างเช่น งานที่คิดว่าจะยกเลิกไปก็คือ การแถลงข่าว ซึ่งคณะก็อยากจะให้งานแถลงข่าวเหมือนเดิม แต่ตนก็บอกว่าไม่ถูกต้องเพราะไม่ใช่ประธาน จะมานำการแถลงข่าวไม่ได้ ก็เลยต้องมีการปรับเป็นการคล้าย ๆ แถลงเดี่ยวทีละคน ซึ่งตรงนี้หมายความว่า ตนอาจจะว่างหรือไม่ว่างก็อาจจะไม่ได้มีปัญหาอะไร
แต่ว่าก็เนื่องจากว่า เราก็มีการปรับบ้าง แต่เนื่องจากภาระหน้าที่มีอยู่มาก จึงต้องช่วยกันทำงาน เพราะว่าเราไม่ได้มีคนทำงานมากนัก ยังมีคนทำงานไม่มาก
@มีการปรับโครงสร้างแกนนำใหม่หรือยัง
ยัง ๆ ก็อยู่ระหว่างการพูดคุยกันอยู่ว่าจะปรับบ้างจำนวนหนึ่ง แต่ว่างานขณะนี้ก็เต็มอยู่แล้ว เพราะเป็นการจัดกิจกรรม เช่น การจัดชุมนุมทุกสัปดาห์ก็ต้องหนักตลอด เราต้องแบ่งกันทำงานอยู่แล้ว เช่น การประสานงานมวลชนในภูมิภาคต่าง ๆ แบบนี้ แต่ว่าตอนนี้ก็ยังช่วยกันอยู่ ยังไม่สามารถที่จะทิ้งงานไปได้
@พอใจกับผลงานที่ผ่านมาของตัวเองหรือไม่
ก็พอใจมาตลอด แต่ว่าพอใจมากที่สุดคือครั้งแรกเลยในการวาง และนำเสนอชุดความคิด และยุทธศาสตร์ นโยบายต่าง ๆ ทั้งหมด จนกระทั่งมาทำโรงเรียนคนเสื้อแดง อันนี้เป็นแนวคิดตั้งแต่ก่อนมาเป็นประธาน นปช. และนี่ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ นปช. ที่ก้าวมาเป็นแนวร่วมที่มีรูปธรรม มีแนวทางนโยบาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ทำหลักสูตรผู้ปฏิบัติงาน มีการเปิดโรงเรียนการเมือง
สิ่งนั้นเป็นผลงานชุดใหญ่ที่เกิดขึ้นก่อนจะมาเป็นประธาน จากนั้นเราก็มาเสริมทำให้มีความแข็งแรง ที่สำคัญก็คือเราวิเคราะห์ว่าประเทศไทยมันไม่มีประชาธิปไตยที่ถูกต้อง มีการต่อสู้ยืดเยื้อยาวนาน ฉะนั้นการทำหน้าที่ประชาชน ถ้าประชาชนแข็งแรงจึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ใช่มาจับมือประท้วงเย้ว ๆ แล้วก็กลับบ้าน
ฉะนั้นนี่คือจุดสำคัญที่เป็นชุดความคิด จากนั้นก็นำไปสู่การปฏิบัติ เพื่อแยกบรรลุตามชุดความคิด และเป้าหมายนี้ ฉะนั้นนี่เป็นการทำงานต่อเนื่องจากทางด้านหลักการในการสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน
และต่อมาเมื่อเป็นประธานก็ทำงานใหญ่พอสมควร โดยเฉพาะการสร้างโรงเรียนผู้ปฏิบัติงานทั่วประเทศ บ่มเพาะคนทำงานมามากมาย บ่มเพาะแกนนำขึ้นมามากมาย และให้ทุกคนเข้าใจเป้าหมายและยุทธศาสตร์
ต้องถือว่าเรายกระดับได้ทั้งปริมาณและคุณภาพของคน ในช่วงยามเราตกต่ำ หรือในยามที่เราพีคสูงเพราะอยู่ระหว่างต่อสู้ในปี 2553 เป็นต้น หรือแม้กระทั่งเราถูกปราบหรืออะไรก็ตาม การเดินหน้าสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กร นปช. ยังเป็นเรื่องที่เราทำอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าอยู่ในฐานะอะไร ดังนั้นจึงเป็นส่วนหนึ่งที่เราคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
และในตอนช่วงที่มาเป็นรักษาการประธาน จนก้าวมาเป็นประธาน ก็เดินหน้าในเรื่องการจัดตั้งองค์กรและแกนนำทั่วประเทศ อันนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญแต่มันยังได้ไม่ดี (หัวเราะ)
@แดงอิสระ และแดงฮาร์ดคอร์ มองว่าคุณเป็นคนสร้างความขัดแย้ง
เขาคิดกันไปสิ ถ้าเขาคิดว่าเราเผด็จการจริงแล้วเขาจะอยู่ได้เหรอ ทำไมเราถึงมีแดงอิสระ หรือมีอะไรอยู่เต็มไปหมด บางคนก็เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยก็หาว่าเรากีดกัน ถ้าเรากีดกันจริงจะมีเหรอที่ออกมาทำกันเยอะแยะ แต่ว่าคนฮาร์ดคอร์จำนวนหนึ่งเขาไม่ชอบตนหรอก เพราะว่าเรานำเสนอสันติวิธี ซึ่งอาจไม่ถูกใจ
และขบวนการประชาชนผู้ปฏิบัติงานอาจต้องพึ่งผ่านการยอมรับของประชาชน อันนี้เป็นแนวร่วมที่มีรูปการณ์ มีแนวทางนโยบาย มีผู้ปฏิบัติงาน บางคนเขาไม่ชอบ เขาอยากเป็นอิสระ แล้วเขาก็พบว่าการเป็นแดงอิสระนั้น ก็ไม่ง่าย เพราะคนส่วนใหญ่นั้น มุ่งสู่เส้นทาง นปช. มากกว่า ฉะนั้นคนที่จะต้องถูกโทษก็คือตน (หัวเราะ)
เพราะว่า นปช. นำโดยหลักการ ตนไม่ได้เป็นนักพูด หรือนักปราศรัย ไม่ใช่ซูเปอร์แบบคุณจตุพร หรือคุณณัฐวุฒิ แต่เราใช้หลักการและทฤษฎีเป็นหลัก
ฉะนั้นที่คนอยากเป็นอิสระเขาก็ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร แต่เวลามันพิสูจน์เดี๋ยวนี้ว่า คนที่เป็นอิสระก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้มากนัก แต่ถามว่าตนไปขัดขวางหรือไปกีดกันหรือไม่ ไม่มีแน่นอน เพราะโดยหลักการของเรา เขารู้อยู่ว่าเราทำแบบไหน
ต้องเข้าใจว่านี่เป็นองค์กรเปิดและเป็นเสรีชน ใครจะทำอะไรก็ได้ ใครจะด่าก็ได้ ใครจะว่าก็ได้ ไม่สามารถไปบังคับ และเวลาการปฏิบัติงานเขาก็ทำกันโดยความสะดวกใจ นี่ไม่ใช่องค์กรจัดตั้งที่มีเงินเป็นตัวบังคับ นี่ไม่ใช่องค์กรจัดตั้งที่มีตำแหน่งหน้าที่ให้คุณให้โทษ มันเป็นเรื่องของความเต็มใจ และอุดมการณ์
ฉะนั้นมันเป็นเสรีภาพว่า ใครจะจัดตั้งกลุ่มอะไรก็ได้ มิฉะนั้นจะมีกลุ่มต่าง ๆ ตั้งเยอะแยะเกิดขึ้นได้อย่างไร เราไม่ได้มีการส่งสารด้านลบ แม้กระทั่งบางกลุ่มทำให้เราลำบากไปด้วย เพราะคนคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน (หัวเราะ)
คุณดูอย่างกลุ่ม โกตี๋ เล่นเอาคุณจตุพรลำบาก ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเราทำแล้วเขาจะชอบเราหรือไม่ เขาก็คงไม่ชอบ แต่เขาจะทำเราก็ไปห้ามเขาได้อย่างไร ก็เรื่องของเขา แต่ถามว่ามันก็ทำให้คนแยกไม่ออก คนเข้าใจผิดว่าเป็น นปช. ยังมีตั้งเยอะแยะที่เขาไปอ้างกลุ่มนู้นกลุ่มนี้
แต่ปกติเราจะถือมารยาทกันนะ ถ้าคุณไม่ใช่ นปช. เราก็จะไม่ไปยุ่มย่ามกับเขา คุณจะไปบังคับเขาไม่ได้ เพียงแต่เตือน ๆ กันว่าขอร้อง สำหรับคนที่ขอร้องกันได้เราก็ส่งสารกันไปว่าให้ระมัดระวัง แต่ถ้าเขาไม่ชอบ เขาเอาไปโจมตี ไปด่า เราก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร
แต่เราก็เชื่อว่าพี่น้องส่วนใหญ่ มีตาและเข้าใจ ไม่อย่างนั้นตนจะผ่านมา 3 ปีกว่า และก็สามารถกำหนดได้แน่นอนว่าในการชุมนุมแต่ละครั้งจะมีมวลชนเท่าไหร่เหรอ
@น้อยใจบ้างหรือไม่ ที่แดงอิสระ หรือแดงฮาร์ดคอร์บางกลุ่ม เขาเชื่อคุณจตุพร – คุณณัฐวุฒิ มากกว่า
ไม่ได้น้อยใจหรอก คุณจะไปน้อยใจทำไม คุณจะให้คนรักทั้งหมดเหรอ คุณต้องดูสิว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นอย่างไร คุณต้องดูว่าคนที่พูดเนี่ย คือดิฉันไม่ใช่ฮาร์ดคอร์ ถ้าตนเป็นฮาร์ดคอร์ด้วยก็คงจะน้อยใจ (หัวเราะ) ดังนั้นถ้าฮาร์ดคอร์ไม่พอใจมันก็ถูกต้องอยู่แล้ว
เราต้องดูว่าเขาพูดถูกหรือผิด เราจะไปห้ามคนวิจารณ์ได้อย่างไร คุณจะให้คนทั้งหมดมาถูกใจคุณเป็นไปไม่ได้ คำถามคือ คุณอย่าผิดกันก็แล้วกัน เอาคนที่ทำไม่ถูกแล้วมาชมเรา แล้วคนที่ทำถูกมาด่าเรา อย่างนี้มันกลับกันแล้ว
@รัฐบาลมีท่าทีอย่างไร หลัง นปช. เปลี่ยนประธานคนใหม่
ไม่ทราบเหมือนกัน ไม่ได้คุยกับคนในรัฐบาลเลย เพราะนี่เป็นเรื่องของ นปช. ไม่มีใครรู้เรื่อง และในหมู่ของพวกเราตนก็ต้องเก็บเป็นความลับ เพราะเป็นการประชุมต่อเนื่องจากการประชุมรอบก่อน เพราะเดี๋ยวจะมีการพูดกันไปแบบผิด ๆ
คือตนเป็นคนเสนอเองให้มีการปรับเปลี่ยน และคุณจตุพรเขาก็ผัดผ่อนไว้ก่อน และตอนนี้คิดว่าจังหวะเหมาะสม
@มีหลายคนกังวลว่าพอคุณจตุพรขึ้นมาเป็นประธานแล้วท่าทีของ นปช. จะแข็งกร้าวขึ้น
ตอนที่เขาไม่ได้เป็นเขาก็ปราศรัยแบบนี้ และตอนที่เขาเป็นเขาก็ระมัดระวัง พูดเรื่องสันติวิธีมากด้วยซ้ำ เขายังออกมาพูดในประเด็นว่าเราไม่มีกองกำลัง ปฏิเสธเรื่องที่คุณสภรณ์ อัตถาวงศ์ (แรมโบ้อีสาน) ทำ เขาก็ปฏิเสธหนักหน่วง เต็มที่ ปฏิเสธมากกว่าตนอีก แต่คนก็ยังมองเขาว่าเป็นฮาร์ดคอร์ (หัวเราะ)
@ภาพรวม นปช. ในปัจจุบัน เป็นอย่างไรบ้าง
ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน ก็เหมือนเดิม แนวทางนโยบายก็ไม่ได้เปลี่ยน เพราะว่ารับรองกันโดยที่ประชุม และการพูดคุยปรึกษาหารือเราก็มีกันมาตลอด ไม่ว่าใครมีตำแหน่งอะไร
คุณอย่าลืมว่าคุณจตุพร ก็เหมือนกับไม่มีตำแหน่งอะไรมาตั้ง 2 – 3 ปี ก่อนที่ตนเป็นประธาน คุณจตุพรก็ไม่ได้มีตำแหน่งอะไร ก็ทำงานอยู่ด้วยกันมาตลอด ตนไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแต่เราให้บทบาทคุณจตุพรเด่นขึ้นในฐานะประธาน และเขาจะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำอย่างเต็มภาคภูมิ แต่ว่าเรื่องอื่นมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะว่าตนยังต้องช่วยอยู่ ยังต้องทำงานอยู่
@เมื่อถึงจุดหนึ่งที่แกนนำยุคคุณจตุพรเข้มแข็งแล้ว จะลดบทบาทตัวเองลงใช่หรือไม่
ก็เป็นไปได้ เพราะตนก็แก่แล้ว เรื่องอะไรจะไปทำงานมาก แต่ว่าเรื่องนี้เป็นภารกิจส่วนรวม เลยจำเป็นต้องทำ ไม่ได้ทำเพราะว่าเราต้องทำงาน ไม่ใช่ว่าจะต้องอยู่ตรงไหน อย่างที่บอกว่าแม้ไม่มีตำแหน่งก็ทำงานได้ และก็ทำได้เป็นเรื่องสำคัญมากด้วย
ฉะนั้นมันไม่จำเป็นว่าต้องอยู่ตรงไหน เพราะปกติก็ทำงานเงียบ ๆ อยู่ข้างหลัง และถูกดันมาอยู่ข้างหน้าเอง ดังนั้นจึงไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร และตนอายุมากแล้ว ก็ต้องผลัดเปลี่ยนให้คนหนุ่มขึ้นมาทำ คนสูงอายุจะไปว่องไวอะไร เดี๋ยวก็เสื่อมนู่น เสื่อมนี่ (หัวเราะ) ก็ใช้ประสบการณ์ช่วยดีกว่า นี่ก็ยังเหนื่อยอยู่เลยนะเนี่ย ต้องไปอัดรายการสารพัด ต้องไปพูดแถลงข่าว ต้องขึ้นเวทีปราศรัย ก็ยังต้องทำเหมือนเดิม งานมันบังคับเราว่าต้องทำ ถามว่าออกโทรทัศน์พูดกับคนเสื้อแดง พูดกับคนทั่วไปดีหรือไม่ ถ้าดีก็ต้องทำ
@ภายใต้การนำของคุณจตุพร นปช. ชุดใหม่นี้จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด
ก็คิดว่าการปรึกษาหารือเราก็คงยังเหมือนเดิม เพราะเราพยายามจะวางรากฐานของการประชุม และการนำโดยคณะมันก็ยังอยู่ เพราะสมัยตนเป็นประธาน ก็ปรึกษาเขาทุกเรื่อง ตอนเขาเป็นตนก็หวังว่ามันก็ต้องปรึกษากันคล้าย ๆ เดิม เพียงแต่ในบางเรื่องเขาก็อาจจะสามารถเจรจาได้อย่างในฐานะประธานได้เต็มที่มากกว่าเดิม คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น
@คุณจตุพรจะรวมพล นปช. ได้แข็งแกร่งเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะช่วงหลัง นปช. ดูเคลื่อนไหวน้อยลงไปมาก
ไม่ใช่หรอก ก็เพราะพวกเดียวกันเป็นรัฐบาล จะทำอะไรได้ที่ไหน ในความเป็นจริงเราก็ดีขึ้นด้วยซ้ำ เพราะว่าเราปรับเปลี่ยนแกนนำทุกระดับมามากขึ้น เรามีคุณภาพมากขึ้น มีความเข้าใจมากขึ้น แรก ๆ เป็นการต่อสู้ในช่วงแรกเป้าหมายยังไม่ชัดเจนเหมือนตอนนี้ แต่ตอนนี้มันชัดเจนว่าเราต่อสู้เพื่อหลักการประชาธิปไตยมากขึ้น
@นปช. ดูไม่เข้มแข็งเหมือนแต่ก่อน
ดูเวลาไปชุมนุมแต่ละที่ คนเยอะขนาดไหน มวลชน นปช. ตอนนี้ยังเยอะเหมือนเดิม แต่คุณภาพในแง่อุดมการณ์มีมากขึ้นไปอีก แต่ก่อนนั้นคุณภาพทางอุดมการณ์ยังไม่ค่อยชัดเจน ตอนนี้คุณภาพทางอุดมการณ์ชัดเจนขึ้น เขารู้ว่าเขาสู้เพื่ออะไร นี่ไม่ใช่เรื่องบุคคล มีบางส่วนอาจเป็นบุคคล แต่ส่วนใหญ่เน้นเรื่องประชาธิปไตย กับความยุติธรรมเป็นหลัก และนี่คือสิ่งที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน และเป็นความภาคภูมิใจของตน
ในด้านปริมาณก็ไม่ได้หายไป ก็เพิ่มขึ้น ถ้าอยากรู้ก็ดูตอนคนลุยมาเลือกตั้ง 20 ล้านคนสิ ถึงแม้เขาไม่เลือกพรรคเพื่อไทยก็ช่างปะไร จะโหวตโนก็ช่างปะไร แต่ออกมาเลือกตั้งแล้วกัน ตนถือว่าเป็นพวกมีแนวคิดเดียวกัน ข้างเดียวกัน 20 ล้านคน แล้วคิดว่ามากขึ้นหรือไม่ มากขึ้นในสถานการณ์นี้ที่ถูกขัดขวาง แต่เขายังเดินออกมา
เราต้องมองอย่างนี้ ถึงแม้เขาไม่ใส่เสื้อแดงก็ไม่เป็นไร ต้องมองหลักการเดียวกัน เขามีอุดมการณ์ประชาธิปไตย ดังนั้นตนก็พอใจว่า เป้าหมายเราในการขยายผู้รักประชาธิปไตยนั้นถูกต้อง แต่เราไม่ได้ขยายเป้าหมายรักคุณทักษิณ (ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) หรือคุณยิ่งลักษณ์ (ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม) นะ แต่เป้าหมายเราคือขยายผู้รักประชาธิปไตย
แต่คนที่รักคุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ในขบวนการนี้มาก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่ามันจะดีกว่าถ้าเราได้ผู้รักประชาธิปไตยเพิ่มขึ้น
@หลายฝ่ายก็ยังคิดว่าสู้เพื่อคุณทักษิณ – คุณยิ่งลักษณ์ อยากให้ช่วยย้ำจุดยืนอีกครั้งว่า นปช. สู้เพื่ออะไร
ตอนคุณทักษิณโดนตัดสินยึดทรัพย์ ดูสิว่ามี นปช. ออกมาประท้วงหรือไม่ ตอนถูกลงโทษมีหรือไม่ กระทั่งยุบพรรคก็ยังไม่มีเลย แล้วตอนที่เรามาประท้วงในปี 2552 – 2553 เราก็มาประท้วงให้ยุบสภา ถูกหรือไม่ ฉะนั้นก็ดูสิว่า การออกมาแต่ละครั้งเป็นเรื่องหลักการทั้งนั้น
คือเอาแต่จะโจมตีโดยไม่ได้ใช่ความคิดไง ไม่ได้มองหาข้อดีของอีกข้างหนึ่งเลย ถ้าเราไม่ได้คิดอย่างนี้ ก็พังกันไปข้างหนึ่งแล้ว
@จะสลายมายาคติตรงนี้อย่างไร
ตนว่าคนเข้าใจมากขึ้นแล้ว มีความเข้าใจมากขึ้น โดยเฉพาะชัดเจนคือ ตอนเห็นคุณเป็นคนไม่เท่ากันนั่นแหละ ถ้าคนไม่ตกอยู่ในมายาคตินี้มากเกินไป มันต้องคิดกลับตัวได้แล้วว่า จะอยู่กันได้อย่างไรเห็นคนไม่เท่ากัน เห็นคนชนบทโง่เง่า แล้วคุณไม่ยอมแม้กระทั่งให้เขามีสิทธิในการเลือกตั้งเท่ากัน และคุณมาขัดขวางการเลือกตั้ง และคุณไม่เอาระบอบประชาธิปไตย
ตนคิดว่าคนตื่นตัวขึ้นมาเป็นจำนวนมากเพราะเหตุดังกล่าว ถ้าไม่มีเรื่องนี้มันก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง และอีกตัวอย่างคือ อ.เกษียร เตชะพีระ เขาเป็นคนผลิตคำพูด “ระบอบทักษิณ” แต่ว่ามาตอนนี้เขาคิดอย่างไร หรือคนอย่าง อ.นิธิ เอียวศรีวงษ์ เขาก็ไม่ได้เป็นคนเสื้อแดง เขาก็ไม่ได้ชอบคุณทักษิณ แล้วเดี๋ยวนี้เขาเป็นอย่างไร
เพราะเขาเข้าใจแล้วว่า เราสู้เพื่อความเป็นคนเท่ากัน ตนเชื่อว่าคนจะเข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้านหนึ่งเป็นเพราะอีกฝั่งทำเองด้วย ทำเกินเลยไป และขณะนี้คนทั่วโลกค่อนข้างจะตอบได้ว่าเกือบทั้งหมดอยู่ข้างเรา เพราะเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ที่มาขัดขวางการเลือกตั้ง ในโลกนี้ไม่เคยมี มีการประท้วงที่ไหนไม่ให้มีการเลือกตั้ง เราถือแค่เพียงประชาธิปไตย
ในทัศนะของตนขณะนี้ ประชาธิปไตยเป็นกระบวนการเมืองการปกครองที่ก้าวหน้าที่สุดในปัจจุบัน ที่เหมาะกับยุคสมัยแล้ว ฉะนั้นความชอบธรรม และเหตุผลในการต่อสู้ของเรานั้นได้รับการยอมรับ เพราะเราไม่ใช่ขบวนการล้าหลัง
@ถ้าหากคุณยิ่งลักษณ์ มีเหตุเพลี้ยงพล้ำให้พ้นตำแหน่งรักษาการนายกฯ นปช. จะทำอย่างไร
เราไม่ได้อยู่ที่คน เราอยู่ที่หลักการ ถ้าหลักการของการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเราไม่เอา เราไม่เอารัฐบาล ม.7 เราไม่เอาสภาประชาชน พวกนั้นเราไม่เอา ถ้าคุณยิ่งลักษณ์เกิดมีอันเป็นไป แล้วกระบวนการประชาธิปไตยยังดำเนินอยู่ได้ เราก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้ากระบวนการประชาธิปไตยไม่ดำเนินไปได้ เราก็ต้องคัดค้านต่อต้านกันอยู่ดี
ทั้งหมดนี้คือ “ความในใจ” ของ “ธิดา” ประธาน นปช. ในยุคเปลี่ยนผ่านของ นปช. ก่อนจะผลัดใบส่งไม้ต่อให้ “จตุพร” ก้าวขึ้นมาเป็น “แม่ทัพ” คนใหม่ซึ่งเตรียมพร้อมในสถานการณ์สู้รบอย่างเต็มตัว
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก wefinn.com