สภาทนายฯ ร่วมกับ คกก.สิทธิฯ เสนอแก้ กม.คนเข้าเมืองให้เด็กอยู่ร่วมกับครอบครัว
เขียนวันที่
วันอังคาร ที่ 12 กรกฎาคม 2554 เวลา 17:45 น.
เขียนโดย
สุรพงษ์ กองจันทึก
หมวดหมู่
สภาทนายความร่วมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เสนอเร่งแก้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ให้สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ-รัฐธรรมนูญ-สถานการณ์ รองรับครอบครัวได้อยู่ร่วมกัน พ่อแม่ดูแลลูกในเมืองไทยได้
คณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมกับ คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ จัดการเสวนาเรื่อง “สิทธิในครอบครัวกับเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติคนเข้ามือง พ.ศ. 2522” ในวันที่ 11 กรกฏาคม 2554 ที่ผ่านมา โดยได้พิจารณาถึงการที่บุคคลถูกต้องห้ามเข้าประเทศ ในคดี หรือเหตุผลเพียงเล็กน้อย ทำให้ไม่สามารถเข้ามามีชีวิตร่วมกับครอบครัวที่เป็นคนไทยในประเทศไทยได้
รองศาสตราจารย์ณรงค์ ใจหาญ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เรื่องครอบครัว และเด็กต้องดูอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ซึ่งสำคัญมากกว่ากฎหมายคนเข้าเมือง และเห็นว่ารัฐไม่สามารถก้าวล่วงความเป็นอยู่ทางครอบครัวได้
นายสรรพสิทธิ์ คุมประพันธ์ กรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ ให้ความเห็นว่า การเป็นอยู่ของครอบครัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษยชาติ ซึ่งต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก การห้ามบิดามารดาไม่ให้เข้าประเทศมาเพื่อพบกับลูกนั้น เป็นการขัดต่ออนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กหลายข้อ และไม่เห็นว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยแต่อย่างใด ทั้งเป็นการใช้กฎหมายที่ขัดต่อหลักหลักนิติธรรมด้วย
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ กล่าวว่า พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 บังคับใช้มากว่า 20 ปีแล้ว โดยไม่มีการแก้ไขเลย จึงควรมีการปรับปรุงให้ทันต่อยุคสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่จะเปิดภูมิภาคอาเชียนในปีพ.ศ. 2558 โดยมีข้อเสนอเร่งด่วนคือ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวง เพื่อให้ครอบครัวได้อยู่ร่วมกัน โดยให้สามารถเข้าประเทศเพื่อดูแลครอบครัวได้ นอกจากนี้ ควรแก้ไขเรื่องการส่งกลับคนต่างด้าว กรณีที่อาจเกิดอันตราย โดยบัญญัติไว้ในกฎหมายด้วย
นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติ และผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ กล่าวว่า พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 บังคับใช้มากว่า 20 ปีแล้ว โดยไม่มีการแก้ไขเลย จึงควรมีการปรับปรุงให้ทันต่อยุคสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่จะเปิดภูมิภาคอาเชียนในปีพ.ศ. 2558 โดยมีข้อเสนอเร่งด่วนคือ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวง เพื่อให้ครอบครัวได้อยู่ร่วมกัน โดยให้สามารถเข้าประเทศเพื่อดูแลครอบครัวได้ นอกจากนี้ ควรแก้ไขเรื่องการส่งกลับคนต่างด้าว กรณีที่อาจเกิดอันตราย โดยบัญญัติไว้ในกฎหมายด้วย
ด้านนายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมือง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า จะตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อจัดทำข้อเสนอรัฐบาลในการแก้ไขพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ในทุกๆ ประเด็น ทั้งที่มีในการเสวนาและประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย