อัยการสูงสุดสั่งเป็นคดีพิเศษ ค่าโง่ทางด่วนหมื่นล. “โฮปเวลล์”อุทธรณ์แน่
"อัยการ-รฟท." เชื่อ “โฮปเวลล์” ยื่นอุทธรณ์คดีค่าโง่ทางด่วนแน่ หลังศาลปค.เพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตฯ ลั่นพร้อมสู้คดี เผยอัยการสูงสุดสั่งเป็น “คดีพิเศษ”
กรณีศาลปกครองกลางมีคำพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการคดีที่กระทรวงคมนาคม (คค.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยื่นฟ้องบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่อ้างว่ากระทรวงคมนาคม บอกเลิกสัญญาการดำเนินโครงการระบบทางรถไฟและถนนยกระดับ กับบริษัทโฮปเวลล์ฯ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้จ่ายคืนเงินค่าก่อสร้างและค่าใช้จ่ายอื่นๆ แก่บริษัทโฮปเวลล์ รวมกว่า 1.18 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปกครอง และเป็นหนึ่งในอัยการที่รับผิดชอบคดีนี้ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว “สำนักข่าวอิศรา” www.isranews.org ว่า ตนเชื่อว่าคู่กรณีคือบริษัทโฮปเวลล์คงจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากคดีมีมูลค่าความเสียหายเป็นวงเงินที่สูงมาก การชนะคดีในชั้นศาลปกครองกลางจึงยังไม่ใช่สิ่งยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นผู้ชนะคดีแล้วอย่างเบ็ดเสร็จ
“คาดว่าคดีนี้คงจะมีการอุทธรณ์แน่นอน เพราะมูลค่ามหาศาล จากนี้เราก็คงต้องรอดูภายใน 30 วันนี้ว่าเขาจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ หรือหากครบกำหนดแล้ว เขายังไม่พร้อม เขาก็อาจจะขอเจรจาขยายเวลาในการอุทธรณ์ได้” อัยการรายนี้ระบุ
ด้านแหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่จัดเตรียมเอกสารสัญญาต่างๆ เพื่อสู้คดีดังกล่าวในชั้นศาลปกครองและอนุญาโตตุลาการ กล่าวว่า ตนเองเชื่อว่าบริษัทโฮปเวลล์คงจะยื่นอุทธรณ์แน่นอนและหากเตรียมหลักฐานต่างๆ ไม่ทันใน 30 วัน บริษัทโฮปเวลล์ก็คงขอให้ศาลพิจารณาขยายเวลาซึ่งตนคาดว่าศาลคงยินยอมให้มีการขยายเวลาในการอุทธรณ์ ส่วนประเด็นที่ทำให้ รฟท.ชนะคดีในชั้นนี้ ตนเห็นว่าเนื่องจาก
“ประเด็นสำคัญคือศาลเห็นว่าการที่บริษัทโฮปเวลล์ ยื่นฟ้องข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ ล่าช้าเกินกำหนดเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้”
แหล่งข่าวรายนี้ ยังกล่าวด้วยว่า การบอกเลิกสัญญาสัมปทานในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรมว.คมนาคม และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นรมช.คมนาคม เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2541 นั้น มีการตั้งคณะกรรมการ ใน รฟท.ขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อดำเนินการตรวจสอบและยกเลิกสัญญากับบริษัทโฮปเวลล์โดยเฉพาะ
“หนึ่งในคณะกรรมการชุดนี้ ที่ปัจจุบันนี้ท่านเกษียณอายุราชการไปแล้ว เคยตั้งข้อสังเกตกับทีมกฎหมายไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งพิจารณายกเลิกสัญญาว่า อาจถูกฟ้องร้องและคดียืดเยื้อ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติกรเก็บรวมรวมเอกสาร หลักฐาน การเซ็นสัญญาและเอกสารประกอบสัญญาทุกอย่างไว้อย่างครบถ้วน และในเวลาต่อมา รฟท. ก็ถูกฟ้องร้องจากบริษัทโฮปเวลล์จริงๆ”
แหล่งข่าวจาก รฟท.รายนี้กล่าวด้วยว่า เมื่อครั้งตุลาการผู้แถลงคดี เคยเสนอความเห็นว่าควรยกคำฟ้องของ คค.และ รฟท.ในระหว่างการนัดพิจารณาคดีนั้น ตนประเมินว่า รฟท.คงแพ้คดีอย่างแน่นอนและได้เตรียมใจไว้แล้ว แม้จะรู้ว่าความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดีเป็นเพียงความเห็นส่วนตน ไม่ผูกพันและมีผลต่อคำพิพากษาก็ตาม
“การมาฟังคำพิพากษาครั้งนี้ ก็เลยมาแบบที่เตรียมใจไว้แล้วเพราะตอนที่มาฟังตุลาการแถลงคดี เราก็อดคิดไม่ได้ว่าแพ้แน่ๆ คราวนี้”
ด้านผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทโฮปเวลล์ฯ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อผลคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ระบุเพียงแค่ว่า หากต้องการทราบว่าบริษัทโฮปเวลล์จะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ ให้ผู้สื่อข่าวคอยตรวจสอบจากศาลปกครองเอง ซึ่งภายในเดือนเมษายนก็คงจะทราบว่ามีการยื่นอุทธรณ์หรือไม่ เนื่องจากตามกฎหมาย กำหนดระยะเวลาไว้ว่าให้ยื่น ภายใน 30 วัน นับจากมีคำพิพากษา ส่วนความเห็นเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้ ตนขอไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ เนื่องจากบริษัทโฮปเวลล์สำนักงานใหญ่ห้ามมิให้แสดงความเห็นใดต่อคดี
ส่วนเจ้าหน้าที่อัยการกล่าวเพิ่มเติมว่าคดีนี้ อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้บรรจุเป็นคดีพิเศษและมีทีมอัยการร่วมรับผิดชอบคดี ถึง 5 คน
“คดีนี้อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้เป็นคดีพิเศษ เพราะคดีมีรายละเอียดเยอะมาก มีความซับซ้อน และมีมูลค่ามหาศาล ที่ผ่านมามีอัยการร่วมกันรับผิดชอบถึง 5 คน และคดีนี้ก็ใช้เวลานาน ถึงขั้นที่มีอัยการเกษียณไปแล้ว ถึง 2 คน” เจ้าหน้าที่อัยการระบุ และกล่าวด้วยว่าปัจจุบัน ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาว่าจะเพิ่มอัยการคนใหม่เข้ามาแทนอัยการที่เกษียณอายุไป เพื่อให้ครบ 5 คนดังเดิมหรือไม่ ทั้งนี้ เพื่อเตรียมรับมือหากบริษัทโฮปเวลล์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งตนคาดว่าคงยื่นอุทธรณ์อย่างแน่นอน
ภาพประกอบจาก www.posstoday.com