ศาลปค.เพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโต “รฟท.” ไม่ต้องจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์หมื่นล.
ศาลปกครองสั่งเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ คดีค่าโง่ ทางด่วน "กระทรวงคมนาคม-การรถไฟ" ไม่ต้องจ่าย "โฮปเวลล์" หมื่นล้าน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2557 ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 107/2552 ที่กระทรวงคมนาคม (คค.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ยื่นฟ้องบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ที่อ้างว่า คค.บอกเลิกสัญญาการดำเนินโครงการระบบทางรถไฟและถนนยกระดับ กับบริษัทโฮปเวลล์ฯ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้จ่ายคืนเงินค่าก่อสร้างและค่าใช้จ่ายอื่นๆ แก่บริษัทโฮปเวลล์ รวมกว่า 1.18 หมื่นล้านบาท
โดยศาลปกครองกลางพิพากษาให้เพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ
แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราว่าคดีในชั้นนี้ ผู้ร้องชนะคดี แต่คาดว่ายังไม่สิ้นสุด เนื่องจาก บริษัทโฮปเวล์ อาจยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป และอาจใช้เวลาอีกหลายปีกว่าคดีจะสิ้นสุดอย่างแท้จริง
สำหรับโครงการโฮปเวลล์ได้มีการลงนามในสัญญาเมื่อปี 2533 สมัยรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ โดยนายมนตรี พงษ์พาณิชย์ รมว.กระทรวงคมนาคมสมัยนั้น กำหนดอายุของสัมปทานไว้ 30 ปี และได้บอกเลิกสัญญาสัมปทานในสมัยรัฐบาลชวน หลีกภัย โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รมว.คมนาคม และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คมนาคม เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2541 ภายหลังโครงการโฮปเวลล์ประสบปัญหาทั้งเรื่องแหล่งเงินทุนและแบบก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานสากล จนต้องยุติการก่อสร้างโดยสิ้นเชิงในปี 2540
คณะอนุญาโตตุลาการได้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีพิพาทโครงการโฮปเวลล์ ระหว่าง รฟท.และบริษัทโฮปเวลล์ฯ เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2551 ว่า ให้ รฟท.ต้องคืนเงินชดเชยให้กับบริษัทโฮปเวลล์จากการบอกเลิกสัญญารวมเป็นเงิน 11,888 ล้านบาท โดยไม่รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี พร้อมคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า 500 ล้านบาท ที่ออกโดยธนาคารกรุงเทพ ซึ่งประกอบด้วยเงินที่บริษัทได้ชำระเป็นค่าตอบแทนจากการใช้ประโยชน์จากที่ดินของ รฟท. ถึงก่อนวันบอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 2,850 ล้านบาท รวมถึงเงินค่าออกหนังสือค้ำประกัน 38 บาท และเงินค่าก่อสร้าง 9,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ คดีดังกล่าว ตุลาการผู้แถลงคดี เคยเสนอความเห็นว่าควรยกคำฟ้องของ คค.และ รฟท.อย่างไรก็ตาม ความเห็นของตุลาการผู้แถลงคดีดังกล่าวไม่มีผลผูกพันคำวินิจฉัย และเดิมจะมีการนัดอ่านคำพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 27 ก.ย.2556 แต่เนื่องจากมีข้อมูลบางอย่างที่ต้องไปตรวจสอบเพิ่มเติม จึงต้องเลื่อนการนัดอ่านคำพิพากษามาเป็นวันนี้
ผํ้สื่อข่าวรายงานว่า แหล่งข่าวหนึ่งในคู่กรณี ตั้งข้อสังเกตว่าจากเดิมที่จะมีการนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 27 ก.ย.2556 แต่ต้องเลื่อนมาเป็นวันนี้เนื่องจาก “ในรายงานการนัดพิจารณาคดีก็มีการระบุว่ามีการเปลี่ยนองค์คณะตุลาการ นี่อาจเป็นเหตุผลที่ต้องเลื่อนคำพิพากษานอกเหนือไปจากเหตุผลที่ว่าเพราะมีการชุมนุมทางการเมืองจึงไม่สะดวก”
ด้านแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งกล่าวว่า
“ผมก็เห็นนะ ว่ามีการเปลี่ยนองค์คณะตุลาการ เพราะมีท่านที่ไม่ใช่องค์คณะเดิม แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร”
แหล่งข่าวทั้งสองรายกล่าวตรงกันว่าตนไม่ทราบสาเหตุของการเปลี่ยนองค์คณะตุลาการว่าเป็นเพราะเกษียณอายุราชการหรือเพราะเหตุใด
ภาพประกอบจาก www.thairath.co.th