“สุณัย” ชี้ “สื่อไทย” คือผู้กระพือความเกลียดชัง ทำประเทศขัดแย้งเพิ่ม
“ที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์ วอชต์” ชี้ “สื่อไทย” คือผู้กระพือความเกลียดชัง ทำให้ประเทศเกิดความขัดแย้งเพิ่ม ในช่วงบรรยากาศการเมืองเผชิญหน้า ย้ำต้องตรวจสอบความจริงให้รอบด้าน ตั้งคำถามถึงต้นตอของปัญหาก่อนนำเสนอ
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2557 นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์การฮิวแมนไรต์ วอชต์ (Human Rights Watch) ประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org แสดงความเห็นต่อการทำหน้าที่ของสื่อไทย ในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองขณะนี้ว่า วิธีคิดของสื่อในประเทศไทย โดยเฉพาะสื่อการเมือง หรือสื่อที่เลือกข้างอย่างชัดเจน มักใช้วิธีการพูดถึงฝ่ายตรงข้ามในลักษณะที่เป็นการลดทอนความเป็นมนุษย์ เพิ่มความเกลียดชัง และมีการยั่วยุให้กระทำการรุนแรงต่อฝ่ายตรงข้าม ทั้งที่ สื่อควรจะตรวจสอบความจริงให้รอบด้าน เช่น กรณี สปป.ล้านนา ก็ควรจะคุยกับคู่กรณีหรือผู้ที่กล่าวหาเสียก่อน ต้องรับฟังเสียงจากฝั่งนั้นด้วย
“ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ปรากฏการณ์ใหม่ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ว่าไม่มีการฉุกคิดหรือติดเบรกวิธีการทำหน้าที่ของสื่อ โดยเฉพาะสื่อหัวการเมืองอย่างชัดเจน มันก็เลยกลายเป็นว่า ยิ่งความขัดแย้งดำเนินไป ความเกลียดก็ยิ่งมากขึ้น มันเหมือนงูกินหางตัวเองไปเรื่อย ๆ ดังนั้นเรื่องวาทกรรมแห่งความเกลียดชัง (Hate Speech) มันถึงรุนแรงขึ้นในสังคมไทย” นายสุณัย กล่าว
นายสุณัย กล่าวต่อไปว่า การสร้างความเกลียดชังถึงขนาดที่ว่าไล่คนออกประเทศ มันไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เกิดตั้งแต่ตอนบอกว่าถ้าอยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ในไทย วิธีคิดแบบนี้มันเป็นการมองคนเห็นต่างว่าอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันไม่ได้เลย ซึ่งมันเป็นวิธีคิดที่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ใหม่ และทุกครั้งที่เกิดวิธีคิดแบบนี้ สิ่งที่เกิดตามมาคือการฆ่ากันโดยไม่เห็นว่าอีกฝ่ายที่ถูกฆ่าไม่ใช่คนด้วยซ้ำ มีการสนุกสนานที่เห็นการฆ่า การเจ็บ การตาย ของฝ่ายตรงข้าม
“พอสัญญาณแบบนี้เกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ในบรรยากาศที่การเมืองเผชิญหน้าแบบนี้ มันจึงควรเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายในสังคมควรให้ความสนใจ และพยายามจะแก้ไขวิธีคิดเหล่านี้ ไม่ใช่ไปคอยตื่น แล้วแห่กระแสให้มันร้ายแรงขึ้นไปอีก ซึ่งวิธีคิดแบบนี้มันเป็นวิธีคิดที่น่ากังวลมาก โดยเฉพาะสังคมที่ผ่านบทเรียนมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีการเรียนรู้บทเรียนเหล่านั้นเลย” นายสุณัย กล่าว
หมายเหต: ภาพประกอบจาก google