หมอสุวัฒน์ แนะรพ.-ชุมชน เจรจาทำความเข้าใจเหตุติดป้าย 'ไม่เอารัฐบาลโกง'
‘นพ.สุวัฒน์’ เผยรพ.ชุมชนติดป้ายต้านคอร์รัปชั่น-ประณามความรุนแรงเป็นสิทธิแสดงความเห็น มวลชนต้องใช้วิธีอารยะเเก้ปัญหา มิใช่ปิดล้อมข่มขู่ ชี้ทางออกทุกฝ่ายตกลงร่วมกัน ลั่นมิได้มีสูตรสำเร็จต้องติดป้ายตลอดไป
จากกรณีกลุ่มมวลชนเสื้อแดงนำกำลังบุกล้อมโรงพยาบาล (รพ.) ชุมชนในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อกดดันให้เจ้าหน้าที่ปลดป้ายการประณามใช้ความรุนแรง ต่อต้านคอร์รัปชั่น และไม่เอารัฐบาลโกงลง ถึงขนาดข่มขู่ตัดน้ำตัดไฟและกักตัวเจ้าหน้าที่ ซึ่งรพ.หลายแห่งยอมปลดป้ายลงเพื่อยุติความขัดแย้งที่อาจลุกลามได้
นพ.สุวัฒน์ วิริยะพงษ์สุกิจ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่า เบื้องต้นต้องทำความเข้าใจต่อสาธารณะก่อนว่ารพ. ที่ติดป้ายนั้นไม่ได้เจาะจงเฉพาะรพ.ชุมชนเท่านั้น แต่ยังมีรพ.สังกัดมหาวิทยาลัย รพ.สังกัดกระทรวงสาธารณสุข และรพ.เอกชนบางแห่งด้วย ซึ่งถือเป็นการแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนผู้เป็นบุคลากรทางการแพทย์
“หากจะกล่าวด้วยจิตใจที่เป็นธรรมแล้ว ผมเห็นว่าการติดป้ายตามรพ.ต่าง ๆ เพื่อการประณามความรุนแรงและต่อต้านคอร์รัปชั่นเท่านั้น ซึ่งถือเป็นถ้อยคำเรียกร้องความเป็นธรรมทั่วไป ไม่ได้ระบุชื่อใคร” อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าว และว่าคล้ายจะเหมือนกับ ‘กินปูนร้อนท้อง’ ก็ไม่เชิง หากใครเดือดร้อนนั่นแสดงว่าอาจมีพฤติกรรมเช่นนั้นได้ จึงเป็นคำถามย้อนกลับไปถึงกลุ่มคนนั้น
นพ.สุวัฒน์ กล่าวต่อถึงโอกาสในประเทศไทยขณะนี้เปรียบได้กับการเปิดหน้าต่างให้คนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ไทยถูกรังสีอำมหิตมาบดบัง ทำให้การแสดงออกโดยอิสระไม่เกิดขึ้น ดังนั้นในช่วงนี้ภาคส่วนต่าง ๆ จึงออกมาเคลื่อนไหว โดยประชาชนมีความกล้าในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่กลัวอิทธิพล
“เรื่องสุขภาพถือเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะต้องแสดงออก ส่วนความเข้าใจของบุคคลบางส่วนที่อาจจะมีความหมายไปเรื่องอื่น ทำให้รพ.บางแห่งถูกกดดันให้ปลดป้ายต่อต้านออก ข่มขู่บังคับเจ้าหน้าที่ และตัดไฟในรพ.ก็มี”
ฉะนั้นส่วนตัวจึงคิดว่า การแสดงออกควรต้องทำให้เชิงอารยะ สังคมไทยจะต้องมานั่งพูดคุยกันด้วยเหตุผล วิธีการคือต้องมีการสอบถามไปยังรพ.แต่ละแห่งถึงสาเหตุที่ต้องติดป้ายดังกล่าว มิเช่นนั้นแล้วอนาคตคงไม่สามารถจะติดป้ายแสดงความคิดเห็นอะไรได้อีก และคนไทยจะถูกปิดช่องการแสดงออกทางความคิดทันทีเพราะสังคมที่เป็นอารยะจะต้องมีช่องทางทำให้ประชาชนของตนเองมีโอกาสแสดงความคิดเห็นโดยอิสระที่ปราศจากการครอบงำ
อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวถึงทางออกควรให้รพ.แต่ละพื้นที่พูดคุยกับชุมชน เพื่อสื่อสารและทำความเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของการติดป้ายต่อต้าน โดยเฉพาะรพ.ชุมชนที่จะต้องทำงานใกล้ชิดกับคนในชุมชน ยิ่งต้องมีการพูดคุยด้วยเหตุผลจนเกิดความเข้าใจและไม่มีการก่อกวนจากคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเชื่อมั่นว่าสามารถจะสร้างความเข้าใจกันได้
“รพ.ชุมชนแต่ละพื้นที่มีบริบทแตกต่างกัน ดังนั้นจะต้องมีการปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน หากตกลงกันให้มีการปลดป้ายลงเพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายในชุมชนก็สามารถทำได้ มิได้มีสูตรสำเร็จว่าจะต้องให้มีป้ายติดตลอดไป” นพ.สุวัฒน์ กล่าว และว่าปัญหาดังกล่าวจะแก้ได้ด้วยคนในชุมชนตกลงกันเอง เพราะชื่อรพ.บอกอยู่แล้วเป็นรพ.ชุมชน ซึ่งคำนี้มีนัยยะชัดเจนว่ารพ.เป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ฉะนั้นการตัดสินใจต้องมีร่วมกันผ่านการพูดคุยอย่างมีเหตุผล
เมื่อถามถึงการเรียกร้องให้มีการเจรจายุติขัดแย้งทางการเมือง นพ.สุวัฒน์ ระบุว่า ทุกฝ่ายในสังคมต้องมีส่วนร่วมในการเจรจา ไม่เฉพาะรัฐบาลกับกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เท่านั้น ภายใต้เงื่อนไขที่ตั้งบนครรลองของกฎกติกาบ้านเมือง
“ทุกวันนี้รัฐบาลระบุต้องรักษากติกา จึงทำให้เกิดคำถามจากสังคมเยอะว่า จริงหรือไม่ที่รัฐบาลเคารพกติกาของประเทศ เพราะที่ผ่านมามีการไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล หรือการข่มขู่คุกคามที่เกิดขึ้น ฉะนั้นรัฐบาลต้องแสดงความจริงใจก่อนที่จะเดินหน้าสู่วงเจรจา ทั้งนี้ การเจรจาต้องเกิดขึ้นจากทุกฝ่าย ซึ่งคงไม่ให้อำนาจตกอยู่ในคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง” อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท ทิ้งท้าย .