ชาวประจวบฯ เฮ! ศาลปกครองสั่งถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์สร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล
ศาลปกครองสั่งเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์สร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล บางสะพานน้อย ประจวบฯ คำขออื่นให้ยกฟ้อง ระบุอำนาจให้ก่อสร้างโรงงานเป็นของกกพ. นายกอบต.ปากเเพรก-ผู้ว่าฯ-ปลัดมหาดไทยไม่มีอำนาจ
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ ส.256/2554 กรณีสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กับพวกรวม 290 คน ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ในเขตเทศบาลและเขตราชการส่วนท้องถิ่นอื่นในจ.ประจวบคีรีขันธ์, ปลัดกระทรวงมหาดไทย และบริษัท บางสะพานน้อย ไบโอแมส จำกัด
ในกรณีฐานชาวบ้านอ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการที่บริษัท สะพานน้อย ไบโอแมส จำกัด กว้านซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า ม.2 ต.ปากแพรก อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งชาวบ้านได้คัดค้านการดำเนินโครงการเรื่อยมา ต่อมาสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (สภาอบต.) ปากแพรกได้มีมติเอกฉันท์ไม่ให้ก่อสร้างโรงงาน
บริษัท สะพานน้อยฯ จึงยื่นอุทธรณ์มติต่อผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้มีการเสนอให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างไรก็ตาม สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนจึงมีหนังสือขอให้ชะลอจนกว่าจะมีการพิจารณาอย่างรอบด้าน หากแต่ไม่มีการดำเนินการใด ๆ ปล่อยให้ถอนมติออกไป โดยไม่เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูลประกอบพิจารณา และไม่ฟังเสียงคัดค้านของชาวบ้าน แต่กลับแต่งตั้งคณะกรรมการโดยขาดธรรมาภิบาล จึงได้มีการทำหนังสือคัดค้านอีกครั้ง
แต่ปรากฏว่าผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไม่ดำเนินการใด ๆ ปล่อยให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯประชุมพิจารณาและมีมติตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ที่3/2554 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2554 ให้เพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ไม่อนุญาตก่อสร้างอาคารเช่นเดิม
ดังนั้นจึงขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่ง ดังนี้
1.เพิกถอนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ ตามคำวินิจฉัยที่3/2554 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2554
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่ผู้ฟ้องยื่นเพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ นั้น ศาลมีอำนาจกำหนดคำบังคับได้ แต่สำหรับการขอให้เพิกถอนคำสั่งของปลัดกระทรวงมหาดไทยได้แต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการที่มิชอบ เนื่องจากไม่มีความรู้ความสามารถ และให้แต่งตั้งบุคคลขึ้นมาใหม่แทนนั้น เห็นว่ากรณีดังกล่าวอาจสร้างความเดือดร้อนโดยตรง แต่ก็ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวได้
2.ให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการที่เป็นบุคคลอื่นในคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ และให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย แต่งตั้งบุคคลที่มีความรู้ความสามารถตรงกับสายงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีพิพาท โดยให้มีตัวแทนภาคเอกชนที่มีความรู้ความสามารถทางด้านสิ่งแวดล้อมเป็นกรรมการแทน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การประกอบกิจการของบริษัท บางสะพานน้อยฯ เข้าข่ายเป็นกิจการพลังงาน และการประกอบกิจการพลังงานนั้นไม่ใช่การประกอบกิจการตามประเภท ขนาด และลักษณะของกิจการพลังงานที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอใบอนุญาต ดังนั้นจึงต้องได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
และเมื่อปรากฏว่าการประกอบกิจการจะต้องมีสิ่งปลูกสร้าง บริษัทจะต้องยื่นคำขออนุญาตก่อสร้างอาคารตามกฎหมายการควบคุมอาคาร ดังนั้นเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาในกรณีคดีนี้คือคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ส่วนนายกอบต.ปากแพรก เป็นเจ้าพนักงานท้องถิ่น จึงไม่มีอำนาจพิจารณาให้ก่อสร้างอาคาร แต่มีอำนาจให้การให้ความเห็นประกอบคำสั่งเท่านั้น
ฉะนั้นการที่นายกอบต.ปากแพรก ใช้อำนาจพิจารณาไม่ให้บริษัทก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวลจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีอำนาจ ส่วนการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้เพิกถอนคำสั่งของนายกอบต.ปากแพรกก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีอำนาจเช่นกัน
3.ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 และพ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 โดยให้ยึดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 3/2552 เป็นหลัก
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ และปลัดกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ควบคุมหรือกำกับกิจการพลังงานของบริษัท บางสะพานน้อยฯ ดังนั้นศาลจึงไม่อาจมีคำบังคับให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้
ซึ่งท้ายที่สุด ศาลพิเคราะห์แล้วมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ที่3/2554 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2554 ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่มีคำวินิจฉัย ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และปลัดกระทรวงมหาดไทย .
ภาพประกอบ:http://www.rsunews.net/