พระไพศาล ขอสติทุกฝ่ายกลับคืนมา อย่าสถาปนาความถูกต้องบนซากศพ
พระไพศาล วิสาโล ขอทุกฝ่ายมีสติหันหน้าเจรจาเพื่อยุติความรุนแรง ย้ำยิ่งมีคนเจ็บ-ตายมากยิ่งบั่นทอนความชอบธรรมแต่ละฝ่าย เตือนชัยชนะบนซากศพไม่มีค่า และอย่าเร่งรีบสถาปนาความถูกต้องจากความสูญเสีย
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ เครือข่ายพุทธิกา, ศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,เครือข่ายสันติศึกษาและกลุ่มสันติทำ จัดกิจกรรม “ไว้อาลัยทุกชีวิต ยุติทุกความรุนแรง เรียกร้องทุกฝ่ายเจรจา” ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน
พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต กล่าวให้อนุสติแก่ผู้คนในสถานการณ์ปัจจุบันว่า การทำพิธีไว้อาลัย เพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความขัดแย้ง ท่านเหล่านั้นไม่เพียงมีแค่ชื่อนามสกุล หากแต่ยังมีครอบครัวและคนรัก คนเหล่านี้ควรที่จะได้ความเคารพและระลึกถึงในยามที่เขาได้สูญเสียชีวิต อันที่จริงแล้วเขาก็ควรได้รับความเมตตาปรานีในยามที่มีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นแตกต่างจากเราเพียงใด ไม่ว่าจะสวมสีอะไร สังกัดกลุ่มไหน ก็เป็นมนุษย์ที่มีชีวิต จิตใจ มีคนรักที่จะต้องเสียใจในยามที่ท่านเหล่านั้นจากไป
“อยากให้การทำพิธีในวันนี้นี้ส่งสารไปยังผู้คนที่ได้ก่อเหตุความรุนแรงขึ้น อยากให้ความทุกข์ ความเจ็บปวด เปิดใจของเขาเหล่านั้นเพื่อตระหนักว่า ความรุนแรงที่กระทำนั้นได้สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวต่อคนจำนวนมาก เพื่อให้เขาได้สำนึกในสิ่งที่ทำลงไปและช่วยปลุกความเมตกรุณาให้เบ่งบานในใจ และหยุดหยั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้น”
เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต กล่าวถึงความสูญเสีย ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นตลอดสามเดือนที่ผ่านมาจะได้เปิดใจผู้คนทั้งหลายในสังคม หรือคู่ขัดแย้งหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้ตระหนักว่า ความรุนแรงไม่ใช่คำตอบ หากแต่การกระทำด้วยความรุนแรง เคียดแค้นพยาบาทจนกระทั่งนำไปสู่การจองเวรจะยิ่งทำให้เกิดความรุนแรงจนไม่สามารถยุติได้
"พระพุทธองค์เคยตรัสว่าเวรไม่อาจระงับได้ด้วยการจองเวร แต่จะระงับได้ด้วยการไม่จองเวร ฉะนั้นการที่สร้างความเกลียดชังให้เป็นเครื่องหมายคำตอบของการแก้แค้น จะไม่สามารถทำให้จิตใจเกิดความสงบได้ และมิอาจนำกลุ่มของตนให้ประสบชัยชนะได้เลย"
พระไพศาล กล่าวอีกว่า สิ่งที่เราทำนี้จะเป็นเครื่องเตือนสติให้คนเห็นว่า เราไม่ควรยินดีในความตายของใครเลย โดยเฉพาะคนที่อยู่คนละข้างกับเรา หากเรายินดีหรือสะใจนั่นหมายความว่า มีบางส่วนในจิตใจของเรากำลังจะตายตามไปด้วยสิ่งนั้นคือความเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่มีเมตตากรุณา รู้ร้อนรู้หนาว ดังนั้นเราควรหันมาตระหนักว่าเราต้องร่วมกันหาทางออกจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ด้วยสันติวิธีให้ได้ และเพื่อไม่ให้ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นความสูญเสียที่เปล่าประโยชน์ แต่ขอให้ความสูญเสียในครั้งนี้เกิดการตื่นตระหนัก เห็นภัยของความรุนแรงที่เกิดขึ้นและช่วยกันหยุดยั้ง ห้ามปราม ช่วยกันคัดค้านความรุนแรงที่เกิดจากการกระทำของทุกฝ่ายไม่เฉพาะฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น หากทวงติงเฉพาะฝ่ายตรงข้ามจะเป็นการยั่วยุให้อีกฝ่ายใช้ความรุนแรงตอบโต้ และเป็นการกระตุ้นเร้าให้อีกฝ่ายแก้แค้น ทุกฝ่ายก็จะจมอยู่ในความรุนแรงไม่จบสิ้น
“ความสูญเสียน่าจะเป็นเครื่องเตือนสติให้เราได้ตระหนักว่า ความยึดมั่นในชัยชนะนั้นจะต้องไม่ทำให้เราหลงลืมหรือละเลยชีวิตที่ต้องสูญเสียไป เราต้องเสียเด็กน้อยๆที่บริสุทธิ์อีกเท่าไรถึงจะเรียกสามัญสำนึกกลับคืนมาได้ ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกของวิกฤติ และชัยชนะบนซากศพของผู้คนเป็นชัยชนะที่ไร้ค่า”
เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้เสมือนรถโดยสารคันหนึ่งที่กำลังแล่นด้วยความเร็วสูง คนในรถพยายามแย่งชิงว่ าใครจะเป็นสารถีต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลสนับสนุนความชอบธรรมให้ตัวเองว่าเหมาะจะเป็นคนขับ แต่ก็มีอีกฝ่ายไม่เห็นด้วยไม่ยอมและพยายามแย่งชิงพวงมาลัย จนกระทั่งรถไปเฉี่ยวชนคนที่ไม่รู้เรื่องระหว่างทาง ชนคนข้ามถนน ชนเด็กที่อยู่ริมทางคนแล้วคนเล่า ยังไม่ต้องพูดถึงว่าทางข้างหน้าเป็นทางลงสู่เหว ดังนั้นตราบใดที่คนยังแย่งชิงพวงมาลัย และเถียงกันกล่าวโทษว่า ใครผิดใครถูก โดยไม่มีใครคิดหาทางที่จะหยุดรถก็จะมีคนบาดเจ็บล้มตายลงไปเรื่อยๆ
ดังนั้นประเด็นสถานการณ์ในขณะนี้ พระไพศาล กล่าวว่า หากเรายังต่อสู้เถียงกันโดยไม่คำนึงถึงความเสียหาย และต้องมีคนบาดเจ็บล้มตายว่า ทำอย่างไรจะรักษาชีวิตของผู้ชุมนุม รักษาชีวิตของตำรวจเจ้าหน้าที่ผู้รักษาความสงบ รักษาชีวิตผู้คนที่ไม่รู้เรื่องด้วย ในตอนนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่าความรุนแรงได้ก่อให้เกิดผลเสียกับทุกฝ่าย เพราะทุกฝ่ายล้วนมีคนตาย และความรุนแรงก็ได้บั่นทอนความชอบธรรมทุกฝ่ายไปหมดแล้ว ฝ่ายหนึ่งกล่าวหาว่าไม่ทำการต่อสู้อย่างสันติอหิงสา อีกฝ่ายถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนความรุนแรงให้มีการล้มตาย
“หากเราตระหนักและช่วยกันยุติในเบื้องต้นและนี่คือผลประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย หากเริ่มต้นที่จุดนี้แล้วทำได้สำเร็จจะช่วยลดการบาดเจ็บล้มตายลงได้หากสามารถหาข้อตกลงร่วมกันในเรื่องความรุนแรง และมีความหวังว่าการสูญเสียจะสามารถเรียกสามัญสำนึกกลับคือมาให้ได้ เราจะต้องรอคนตายอีกกี่แสนถึงจะมีสติแล้วหันมาเจรจากัน ความตายที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็มากพอที่จะเห็นความสำคัญในเรื่องเจรจาในเรื่องที่คุยกันได้เพื่อรักษาชีวิตไม่ให้ล้มตายในวันหน้า แม้ความถูกต้องชอบธรรมจะสำคัญแต่ถ้าให้เลือกสถาปนาความถูกต้องในวันนี้แล้วมีคนตาย กลับการสถาปในวันมะรืนแล้วมีคนตายน้อยลงอะไรมีคุณค่ามากกว่ากัน เราอย่าเร่งรีบสถาปความถูกต้องบนซากศพของผู้คนจำนวนมาก”