“ดร.สุเมธ” ฉะประชานิยมทำคนนิสัยเสีย แนะเศรษฐกิจพอเพียง
เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เปรียบเมืองไทยเป็นบ้านไม่ปักเสาเข็ม แผนพัฒนาฯขีดให้เดินตามก้นคนอื่น ทั้งที่เสาไม่มั่นคง ทั้งเงิน-เทคโนโลยี-คน ส่วนทรัพยากำลังถูกผลาญ แนะ “ดูตัวเอง พอประมาณ ไม่เกินตัว”
วันที่ 7 ก.ค.54 ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา บรรยายพิเศษ "เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจพอเพียง" กล่าวว่า ตั้งแต่ประเทศไทยมีการใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 1-7 พบว่าระบบการพัฒนามุ่งความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นหลัก มุ่งสร้างความร่ำรวยเพียงอย่างเดียว ใช้หลักคิดว่ารวยแล้วดี โดยใช้ค่าจีดีพีเป็นตัวชี้วัด ต่อมาก็มาก็มุ่งอุตสาหกรรม แต่ขอเรียกว่า อุตสาหากรรมตามความบ้าคลั่งของนักคิดนักวางแผน อยากเป็นประเทศอุตสาหากรรม อีกทั้งที่ผ่านมาผู้นำประเทศแทบไม่ได้คิดเรื่องการบริหารบ้านเมือง ชอบตามแบบตามก้นคนอื่นจนไม่เคยเป็นตัวของตัวเอง ไม่เคยตรวจสอบตัวเองเลยว่าประเทศเราควรจะเป็นอะไร
ดร.สุเมธ กล่าวว่าจากแผนดังกล่าวทำให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจดี แต่สังคมมีปัญหา การพัฒนาไม่ยั่งยืน อัตราความเจริญสูง แต่ความร่ำรวยกระจุก ความจนกระจาย และเป็นการมุ่งความเจริญเติบโตโดยใช้สมบัติที่ประเทศมีอยู่คือทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งทั้งหมดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงทุ่มเทรักษาตลอดระยะเวลา 60 ปี ทรงใช้วรกาย เพื่อให้สิ่งนี้อยู่กับคนไทย แม้อยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรมไป จากการบริโภคของคนไทยจากการบ้าพัฒนาประเทศอย่างสุดกู่ที่ทำให้เกิดผลเสียหาย ทั้งทรัพยากรธรรมชาติหร่อยหรอ แม่น้ำลำคลองเน่าเสีย ป่าไม้ถูกทำลาย เป็นต้น
เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวว่าเศรษฐกิจบ้านเราเหมือนสร้างบ้านโดยไม่ปักเสาเข็ม ซึ่งการที่เลือกเดินไปโดยใช้วิธีการทางด้านอุตสาหกรรมก็เหมือนกับการสร้างบ้านที่ต้องปักเสาอย่างน้อย 4 ต้น เสาแรก คือเงิน ซึ่งต้องยืมเขามา เสาที่ 2 คือเทคโนโลยี ประเทศเราไม่มีการสร้างและคิดค้นเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง จึงต้องซื้อมาจากต่างประเทศ เสาที่ 3 คือคน ที่หากเสาบ้านเราไม่แข็งแรงทุกอย่างจะสูญสิ้น และเสาที่ 4 คือ ทรัพยากรซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ประเทศไทยมี และเป็นทุนทางธรรมชาติบวกกับแรงงานระดับล่างที่กำลังจะได้รับเงิน 300 บาท
“เวลาตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมา ผมเหมือนอยู่ในความฝันเวลาขับรถไป เห็นทุกป้ายสร้างความฝันว่าจะปลดหนี้ พอลูกอายุ 20 ก็เบิกได้ 1 ล้าน ใครอยากได้บ้านหลักแรก อยากมีรถคันแรกก็จะมีกุญแจให้ 2 ดอก แต่เผลอแป๊ปเดียวความฝันก็หายไป นโยบายต่างๆกำลังบอกว่าเศรษฐกิจดี แต่ส่งความสูญเสียนานัปการ สังคมมีปัญหา คนไทยแม้แต่เด็กเล็ก ผู้ใหญ่ ตามบ้านนอกมีคนเอาของไปล่อ ก็เกิดความอยากได้ กลายเป็นคนหิวกระหายและนิสัยเสีย”
ดร.สุเมธ กล่าวว่า อยากให้ทุกคนยึด 3 ข้อหลัก ได้แก่ 1.พอประมาณ 2.มีเหตุผล 3.มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี พูดง่ายๆก็คือพอประมาณ ดูตนเอง อย่าเกินตัว .
ที่มาภาพ : http://forum.khonkaenlink.info/index.php?topic=5648.0