บันทึกเบื้องลึก “ผ่านฟ้าเลือด” ใครรุก-ใครรับ-ใครถอย
“ผมคิดว่าศรส.ประเมินผิดพลาด ศรส.ประเมินว่าคุยรอบแรกที่สำเร็จน่าจะจบแล้ว สามารถชิงจังหวะเข้ายึดได้แล้ว แต่สุดท้าย ไม่คิดว่าข้างในจะมีอาวุธหนัก”
เหตุการณ์ “ผ่านฟ้าเลือด” เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2557 ถูกบันทึกไว้หน้าประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองหน้าหนึ่งของประเทศไทยอย่างแน่นอน เมื่อ “เจ้าหน้าที่ตำรวจ” ออกมาปฏิบัติการขอคืนพื้นที่จากผู้ชุมนุม “กปปส.”
โดยปฏิบัติตามคำสั่งของ “ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ” (ศรส.) ที่มี “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นั่งเป็นผอ.ศรส.
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org จึงรวบรวมเบื้องหน้า-เบื้องหลัง ปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ของ “ศรส.” เอาไว้เป็นหน้าประวัติศาสตร์หนึ่ง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดรวบรวมจากคน “วงในศรส.” อนึ่งในยุคโซเชี่ยลมีเดียข้อมูลที่ไหลเข้ามามีเยอะมากมาย ขึ้นอยู่กับ “ผู้อ่าน” ว่าจะเลือกรับข้อมูลในรูปแบบใด
ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ “ศรส.” ออกมาประกาศชัดเจนว่าจะขอคืนพื้นที่การชุมนุมของ “กปปส.” 5 พื้นที่ ประกอบด้วย 1.ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก 2.แยกผ่านฟ้า ถนนราชดำเนินกลาง 3.กระทรวงพลังงาน ถนนวิภาวดีรังสิต 4.กระทรวงมหาดไทย ถนนอัษฏางค์ 5.ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ
ซึ่งในช่วงค่ำวันที่ 17 กุมภาพันธ์ “ศรส.” ที่มี “ร.ต.อ.เฉลิม” นั่งหัวโต๊ะ พร้อมด้วย “บิ๊กตำรวจ” ได้เรียก “ผู้บัญชาการจังหวัด” ในเกือบทุกจังหวัดที่เข้าร่วมปฏิบัติการกับ “ศรส.” มาร่วมประชุมวางแผนกันตั้งแต่เวลา 20.00 น. ถึง 24.00 น. เพื่อเตรียมกางวางแผนทั้งหมด
ในวงประชุม “บิ๊กศรส.” กางแผนที่เน้นหนัก “แยกผ่านฟ้า” ยาวไปถึง “ทำเนียบรัฐบาล” สแกนกันทุกซอกตรอกซอยจุดเสี่ยง-จุดปลอดภัย ของ “ลูกน้อง” พร้อมคำสั่งให้เน้นการเจรจากับ “แกนนำกปปส.” ในพื้นที่ก่อน
แต่ “บิ๊กศรส.” กำชับเสียงเข้มตลอดเวลาว่าต้องขอคืนพื้นที่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทั้งหมดมีนัดหมายกันช่วงเช้ามืด ให้ “เจ้าหน้าที่ตำรวจ” ทุกนายอยู่ในจุดพื้นที่รับผิดชอบของตัวเอง
ปฏิบัติการเร็วของ “ศรส.” ใช้ได้ผลกับที่ “กระทรวงพลังงาน” เพราะสามารถจับตัว “นพ.ระพี มาศฉมาดล” แกนนำ และผู้ชุมนุม เพื่อควบคุมตัวไปที่ “ตชด.ภาค 1” จังหวัดปทุมธานี
ทว่าโฟกัสหลักกลับอยู่ที่ “แยกผ่านฟ้า” ซึ่งมีกลุ่ม “กองทัพประชาชน โค่นล้มระบอบทักษิณ” (กปท.) ที่มี “สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” เป็นแกนนำในพื้นที่
แหล่งข่าวในศรส. เล่าวว่า ในช่วงแรกได้มอบหมายให้พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการภูธรจังหวัดสระแก้ว เป็นคนเข้าไปเจรจาขอคืนพื้นที่แยกผ่านฟ้า โดยจะเลยไปถึงถนนราชดำเนินนิดหน่อย การพูดคุยเป็นไปด้วยดี ผู้ชุมนุมมีทีท่าโอนอ่อน
“แต่เมื่อพล.ต.ต.ยิ่งยศเจรจาเสร็จ ในจังหวะที่ผู้ชุมนุมเผลอ พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผู้บังคับการภูธรจังหวัดชลบุรี บุกเข้าหาผู้ชุมนุมทันที” แหล่งข่าว กล่าว
โดยมี “บิ๊กเนมคนหนึ่ง” สั่งการมายังปลายสายให้เข้ายึดพื้นที่การชุมนุมทันที ซึ่งกะเกณฑ์ว่าจะขอคืนพื้นที่ตั้งแต่ “แยกผ่านฟ้า” ไปจนสิ้นสุด “ถนนราชดำเนิน”
“ผมคิดว่าศรส.ประเมินผิดพลาด ศรส.ประเมินว่าคุยรอบแรกที่สำเร็จน่าจะจบแล้ว สามารถชิงจังหวะเข้ายึดได้แล้ว แต่สุดท้าย ไม่คิดว่าข้างในจะมีอาวุธหนัก” บิ๊กด้านการข่าว กล่าว
เมื่ออาวุธหนักของ “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” ถูกนำมาใช้ปฏิบัติการ จึงปรากฏภาพ “เจ้าหน้าที่ตำรวจ” ต้องถอยร่น เพื่อตั้งหลักต่อสู้
ทว่าจุดยุทธศาสตร์หลักของ “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” ยากต่อการมองเห็น เพราะอยู่ในที่มิดชิด ซึ่งมี 2 จุดหลักคือ 1.วัดปรินายกวรวิหาร 2.อาคารการบินไทย ซึ่งอยู่ห่างจาก “แยกผ่านฟ้า” ไม่มากนัก
เมื่อเกิดเหตุการณ์ชุลมุนระหว่าง “เจ้าหน้าที่ตำรวจ” กับ “ผู้ชุมนุม” เป็นตัวเร้าให้ “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” ออกปฎิบัติการ
“ตามการข่าวคนที่เข้าปฏิบัติการสู้กับตำรวจเขาเป็นพวก some one เป็นพวกมีฝีมือ ถึงต้องสวมหมวกไอ้โม่ง ปิดบังหน้าตาอย่างมิดชิด ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่นอน” บิ๊กด้านการข่าว กล่าว
นอกจากนี้ “บิ๊กด้านการข่าว” วิเคราะห์ว่า การชุมนุมของกปปส. ต้องยอมรับว่ามีเรื่องความแค้นจากเหตุการณ์เมื่อปี 2553 รวมอยู่ด้วย “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” กับ “ชายชุดดำ” กำลังเล่นเกมแก้แค้นกันอยู่
“เราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เพราะเขามองการเมืองในภาพเล็ก ไม่ได้มองถึงผลกระทบภาพใหญ่ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ บางทีเขาจะคิดเรื่องการแก้แค้นกันอย่างเดียว” บิ๊กด้านการข่าวระบุ
ส่วนการลำเลียงอาวุธที่มีข่าวออกมาว่า “กองกำลังไม่ทราบฝ่าย” ลำเลียงอาวุธผ่านทางรถไฟและลำเลียงมาทางคลองผดุงกรุงเกษม นั้น “บิ๊กด้านการข่าว” ไม่ขอคอนเฟิร์ม
ทั้งหมดคือเบื้องหน้า-เบื้องหลัง-เบื้องลึก เหตุ “ผ่านฟ้าเลือด” ที่จะมีคนบันทึกในหลากหลายเวอร์ชั่น ขึ้นอยู่กับว่าข้อมูลนั้นมาจากฝั่งไหน