“ปู” ครวญ ป.ป.ช.รีบแจ้งข้อหาคดีจำนำข้าว ขอให้ความยุติธรรม
เพจ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ครวญ ป.ป.ช.เร่งแจ้งข้อหาคดีจำนำข้าว ทั้งที่เพิ่งไต่สวนแค่ 21 วัน ระบุยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไป 2 ฉบับ ยังไม่ได้คำตอบ วอนขอความเป็นธรรม อย่ามีวาระซ่อนเร้น เอื้อกลุ่มล้มรัฐบาล
เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2557 เวลาประมาณ 11.30 น. แฟนเพจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี “Yingluck Shinawatra” ได้โพสต์คำแถลงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหา ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว กรณีปล่อยปละละเลย ไม่ระงับยับยั้งเมื่อเกิดความเสียหาย พร้อมนัดให้มารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 27 ก.พ.2557 นี้ มีสาระสำคัญว่า ตลอด 2 ปีที่ตนได้มาทำงานในตำแหน่งนายกฯ ก็ตั้งใจทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพราะตระหนักว่าเมื่อประชาชนเลือกเราเข้ามาทำงานแล้วจะต้องไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง ทั้งนี้ เมื่อ ป.ป.ช.มีมติให้ไต่สวนข้อเท็จจริงคดีดังกล่าว ที่ตนเป็นผู้ถูกกล่าวหา โดย ป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน เมื่อวันที่ 28 ม.ค.2557 หนังสือที่ ป.ป.ช.ส่งมาให้ตนก็ยืนยันว่า ป.ป.ช.จะปฏิบัติต่อตนให้ได้รับสิทธิในกระบวนการยุติธรรมอย่างเหมาะสมด้วยความโปร่งใส ซึ่งตนก็เชื่อตามนั้น เพราะแม้กฎหมายจะระบุให้ ป.ป.ช.ดำเนินกากรโดยเร็ว แต่ก็ไม่ควรเร่งรีบร้อน เพื่ออำนาจความยุติธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา
แฟนเพจดังกล่าวระบุว่า การทำงานในฐานะนายกฯ และในฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ถือเป็นการทำงานในระดับนโยบาย ส่วนในระดับปฏิบัติการ โครงการรับจำนำข้าวก็เช่นเดียวกับโครงการอื่นๆ ที่มีการกำหนดโครงสร้างการทำงาน ขั้นตอน และการปฏิบัติ โดยมีหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบปฏิบัติการให้เป็นไปตามนโยบาย ซึ่งระบบราชการเป็นระบบการทำงานที่มีมาตรฐาน ตนทำงานอยู่ในระดับการกำหนดนโยบาย ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการลงไปสั่งการหรือครอบงำเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติเลยแม้แต่น้อย และตนตระหนักเสมอว่า การทำงานไม่ว่าจะเป็นราชการหรือเอกชน จะต้องใช้หลักการในการบริหารจัดการที่ดี มีการมอบหมายงานโดยเด็ดขาด เพื่อให้มีผู้รับผิดชอบในแต่ละเรื่องแต่ละขั้นตอนที่ชัดเจน
แฟนเพจดังกล่าวระบุอีกว่า เมื่อ ป.ป.ช.มีมติไต่สวนข้อเท็จจริง ในวันที่ 11 ก.พ.2557 ตนก็ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ขอตรวจสอบพยานหลักฐานตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรม และขอให้กรรมการ ป.ป.ช.รายอื่น มารับผิดชอบสำนวนแทนนายวิชา มหาคุณ แต่น่าแปลกใจว่า นับตั้งแต่วันนั้น ตนไม่เคยได้รับแจ้งจาก ป.ป.ช.ว่า จะมีท่าทีอย่างไรต่อหนังสือร้องขอความเป็นธรรมทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว กลับกัน เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2557 ป.ป.ช.กลับมีมติให้แจ้งข้อกล่าวหากับตน ซึ่งนับจากวันที่มีมติให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนตน จนถึงวันที่มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหา ใช้เวลาดำเนินการเพียง 21 วัน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนที่ ป.ป.ช.จะปฏิบัติกับคดีการเมืองอื่นๆ อย่างเช่นคดีของตน
แฟนเพจดังกล่าวยังระบุว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาจาก ป.ป.ช. และพร้อมพิสูจน์ว่าโครงการรับจำนำข้าวมีเจตจำนงที่ดีต่อชาวนา และเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ตนพร้อมให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลอันเป็นข้อเท็จจริง โดยหวังว่าจะได้รับความยุติธรรมจาก ป.ป.ช. และหวังว่า ป.ป.ช.จะยอมรับฟังคำชี้แจงและพยานหลักฐานของตนให้เสร็จสิ้น ก่อนที่จะชี้มูลความผิด
“ที่สำคัญหากการอำนวยความยุติธรรมต่อตัวดิฉันมีจริงโดยไม่มีวาระซ่อนเร้นใดๆ แล้วคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ไม่ควรรีบเร่ง รีบร้อนในการไต่สวนและชี้มูลความผิด ให้เป็นไปในลักษณะที่จะถูกสังคมกล่าวหาได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มผู้ประสงค์ล้มล้างรัฐบาลและหากจะเปรียบเทียบกับคดีอื่นๆกลับได้รับโอกาสในการได้รับการอำนวยความยุติธรรมอย่างเต็มที่นับแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. รับคำร้องที่มีการกล่าวหาดังที่ดิฉันได้กล่าวไว้เบื้องต้นในกรณีการทุจริตในโครงการระบายข้าวตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนรวมทั้งคดีที่ยื่นและการค้างพิจารณาอยู่อีกเป็นจำนวนมากมาย เช่น กรณี ปรส.” แฟนเพจดังกล่าวระบุ
แฟนเพจดังกล่าวยังเรียกร้องให้ ป.ป.ช.ก็ต้องพิสูจน์ว่า ได้ใช้อำนาจของตนอย่างถูกต้อง เที่ยงธรรม และเป็นไปโดยหลักนิติธรรม ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
(อ่านคำแถลงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีที่ ป.ป.ช.มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ได้ที่ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=730131860364605&set=a.106877456023385.4057.105044319540032&type=1&theater)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีทุจริตระบายข้าวในปี 2552 ที่แฟนเพจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้างถึง จากการตรวจสอบในเว็บไซต์ของ ป.ป.ช.หมายถึง “คดีกล่าวหา 1.รมว.พาณิชย์ (นางพรทิวา นาคาศัย) และ 2.สำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการประมูลขายข้าวในสต็อกของรัฐบาลให้กับเอกชน ตามประกาศองค์การคลังสินค้า ที่ 1091/ว.2558 ลว.28 เม.ย.2552 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการเปลี่ยนจากองค์การคลังสินค้ามาเป็นกรมการ ค้าต่างประเทศ และอยู่ระหว่าง สนง.อัยการสูงสุดพิจารณาการยกเลิกสัญญาที่ทำขึ้นกับผู้ซื้อจำนวน 17 ราย โดยปรากฏว่า ระหว่างวันที่ 4-6 มิ.ย.2552 บริษัท เอเซีย โกลเด้นไรซ์ จำกัด ผู้ซื้อข้าวปทุมธานี ตามสัญญาเลขที่ สข.1/2552(ขส)ลว.14 พ.ค.52 ได้ขนข้าวออกไปจากโกดังโรงสีงามเจริญ ต.หนองพันกง อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี (หจก.เบญรุ่งเรือง (หลังที่ 2)จำนวน 12,364.524424 ตัน อันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากสัญญาซื้อขายดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์ และถูกต้องตามกฎหมาย” ซึ่ง ป.ป.ช.รับคำร้องคดีนี้ไว้ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.2552 แต่ถึงปัจจุบัน ยังอยู่ในขั้นตอน ไต่สวนข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน เท่านั้น
ส่วนคดีองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ที่แฟนเพจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้างถึงเช่นกัน เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2557 สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ออกเอกสารประชาสัมพันธ์ชี้แจงกรณีที่กลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาชน (กวป.) มาทวงถามในกรณีเดียวกันว่า “กรณีการดำเนินคดีเกี่ยวกับ ปรส. ป.ป.ช.ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นทุกเรื่อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุด”