อนุศาสน์ : ชายแดนใต้ตายถี่จนแทบจะทำพิธีศพไม่ทัน
"รู้สึกเศร้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เพราะไม่ทันที่จะเผาศพ ว่าที่ร้อยตรีหญิง เบญจพร เกื้อทุ่ง ภรรยาตำรวจ ก็เกิดเหตุกับ น้องศยามล แซ่ลิ่ม พนักงานธนาคารกรุงเทพ และยังไม่ทันจะรดน้ำศพน้องศยามล ก็มาเกิดเหตุ 4 ศพที่แม่ลานอีก"
เป็นเสียงจาก อนุศาสน์ สุวรรณมงคล สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ชาว จ.ปัตตานี ที่กล่าวถึงเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงนี้ด้วยความรู้สึกสลด เพราะมีแต่ความสูญเสีย
ว่าที่่ร้อยตรีหญิง เบญจพร ที่ถูกพูดถึงนั้น เป็นภรรยาของตำรวจ สภ.ราตาปันยัง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ถูกคนร้ายยิงและจุดไฟเผาศพซ้ำเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ถัดจากนั้น 3 วัน น.ส.ศยามล ก็ถูกคนร้ายยิงและจุดไฟเผาศพในลักษณะเดียวกัน เหตุเกิดในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง เช่นกัน
ส่วนเหตุการณ์สังหาร 4 ศพที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เป็นเหตุร้ายแรงที่สุดเหตุการณ์หนึ่งที่ชายแดนใต้ในความรู้สึกของ ส.ว.อนุศาสน์ ซึ่งคงเป็นความรู้สึกที่ไม่แตกต่างจากใครอีกหลายๆ คน เพราะคนร้ายกราดยิงเข้าใส่กลุ่มประชาชนชาวไทยพุทธที่กำลังตักบาตรกันอยู่บริเวณศาลาในท้องที่บ้านใหม่ ต.แม่ลาน อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ทำให้พระมรณภาพ 1 รูป ฆราวาสเสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บอีก 8 คน
"เหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นทั้งกับผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่ใช่คู่กรณีโดยตรง หรือแม้แต่เด็กชายสามพี่น้องที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ก็เช่นกัน ไม่อยากให้มีเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกเลย ทุกคนต้องช่วยกันดูแลและเร่งเอาคนผิดมาลงโทษ" ส.ว.อนุศาสน์ กล่าว
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดกับเด็กชายสามพี่น้อง คือเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงครอบครัวของ นายเจะมุ มะมัน และ นางพาดีละห์ แมยู พร้อมลูกชาย 3 คน คือ ด.ช.มูยาเฮด มะมัน อายุ 11 ปี ด.ช.บาฮารี มะมัน อายุ 9 ปี และ ด.ช.อิลยาส มะมัน อายุ 6 ปี ทำให้เด็กชายสามพี่น้องเสียชีวิตทั้งหมด ส่วนนายเจะมุ กับ นางพาดีละห์ ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 3 ก.พ.ที่บ้านในหมู่บ้านปะลุกาแปเราะ ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ
หลังเกิดเหตุดังกล่าว ได้มีกระแสข่าวและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในพื้นที่ว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ จากนั้นในเหตุการณ์ฆ่าเผา ว่าที่ร้อยตรีหญิงเบญจพร กับ น.ส.ศยามล มีการทิ้งใบปลิวไว้ในที่เกิดเหตุทำนองว่าเป็นการฆ่าล้างแค้นกรณีสามเด็กชาย
ขณะที่เหตุการณ์กราดยิงชาวบ้านขณะกำลังตักบาตรที่ อ.แม่ลาน แม้ไม่มีใบปลิวทิ้งไว้ และไม่มีการปล่อยข่าวว่าฝ่ายไหนทำ แต่ก็มีเด็กเสียชีวิตเช่นกัน คือ ด.ช.ธิติวัฒน์ ขุนเกลี้ยง อายุ 9 ขวบ และแม่ของเด็กคือ นางสมใจ ขุนเกลี้ยง ก็เสียชีวิตด้วย นอกจากนั้นยังมี ด.ญ.ขวัญชนก ขุนเกลี้ยง ลูกสาวอีกคนได้รับบาดเจ็บ โดยหัวหน้าครอบครัวเคราะห์ร้ายนี้คือ ร.ต.ท.ไวพจน์ ขุนเกลี้ยง รองสารวัตรสอบสวน สภ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่ที่บ้าน เพราะติดภารกิจราชการ แม้ตัวจะปลอดภัย แต่ก็ต้องเป็นฝ่ายรับรู้ข่าวร้ายที่เศร้าที่สุดในชีวิต
ส.ว.อนุศาสน์ บอกว่า เจ้าหน้าที่ต้องเป็นฝ่ายทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะช่วง 1-2 เดือนมานี้ มีประชาชนผู้บริสุทธิ์และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงไม่ต่ำกว่า 20 รายแล้ว รู้สึกว่าสถานการณ์ในพื้นที่รุนแรงกว่าเดิม ไม่ใช่เฉพาะหลังจากเกิดเหตุยิงเด็กชายสามพี่น้องที่บาเจาะ แต่เหตุการณ์มีความรุนแรงมาก่อนหน้านั้นแล้ว
"หลังเกิดเหตุได้เข้าไปเยี่ยมครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ ภาพที่เห็นแล้วเศร้ามากคือครอบครัวของ ร.ต.ท.ไวพจน์ ที่ต้องสูญเสียภรรยา คือ คุณสมใจ และลูกชาย คือ ด.ช.ธิติวัฒน์ นอกจากนั้นลูกสาวก็ยังได้รับบาดเจ็บต้องนั่งรถเข็นไปเคารพศพแม่กับน้องที่วัด ทำให้บรรยากาศที่วัดป่าสวย อ.แม่ลาน เศร้ามาก ตอนนี้ครอบครัวนี้เหลือกันแค่ 3 พ่อลูก ส่วนคนอื่นๆ กำลังใจก็ไม่ค่อยจะดี"
ส.ว.อนุศาสน์ เล่าว่า ได้ตามไปนมัสการพระที่วัดป่าสวย วัดที่ พระพนม กานนท์ เป็นพระลูกวัดก่อนถูกยิงมรณภาพ จึงได้ทราบว่าพระรูปนี้เพิ่งย้ายมาได้ไม่กี่สัปดาห์
"เดิมพระพนมบวชอยู่ที่วัดใน จ.ระยอง บ้านเกิด และมีผู้ไปนิมนต์ท่านมาที่วัดป่าสวย เนื่องจากพระขาดแคลน ท่านเพิ่งมาเมื่อ 22 ม.ค.ที่ผ่านมานี้เอง และเป็นการย้ายมาชั่วคราว เพราะในเดือน เม.ย.ท่านจึงจะมาเป็นพระที่นี่อย่างเป็นกิจลักษณะ"
"พระที่วัดป่าสวยท่านเล่าว่าทุกๆ วันเวลาตีห้าสี่สิบถึงหกโมงเช้า ยกเว้นวันธรรมสวนะ (วันพระ เดือนหนึ่งมี 4 วัน) และวันสำคัญทางศาสนา จะมีพระสงฆ์ไปบิณฑบาตที่หมู่ 1 บ้านใหม่ ต.แม่ลาน โดยมีญาติโยมมารอใส่บาตรพระที่บริเวณศาลาอเนกประสงค์ทุกวัน กระทั่งเช้าวันเกิดเหตุเป็นเวรของหลวงพ่อนม (พระพนม) ท่านก็ออกไปรับบาตร ระหว่างที่ญาติโยมใส่บาตรเสร็จ และท่านกำลังให้พรก็เกิดเหตุร้ายขึ้น"
"เท่าที่ลงพื้นที่ทราบว่าการออกบิณฑบาตของพระ จะมีการรักษาความปลอดภัยจากตำรวจแม่ลาน 1 นายต่อ 1 สายบิณฑบาต ทุกๆ วันจะเป็นแบบนี้ แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น หลังจากนี้คงเป็นเรื่องของการเยียวยาช่วยเหลือ ซึ่งอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลืออย่างเป็นธรรม เนื่องจากทราบว่าเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือค่อนข้างแปลก คือหากพระมรณภาพในวัด จะได้เงินเยียวยาจำนวนหนึ่ง แต่ถ้ามรณภาพนอกวัดจะได้รับน้อยกว่า จึงอยากให้แก้ปัญหาตรงจุดนี้ด้วย" ส.ว.อนุศาสน์ กล่าว
เป็นสัญญาณเตือนจาก ส.ว.ในพื้นที่ที่ส่งไปถึงรัฐบาลให้เร่งหยุดยั้งความสูญเสียของคนทุกศาสนา อย่าให้บานปลายไปมากกว่านี้เลย...
หลายองค์กรแถลงประณาม
ขณะเดียวกันก็มีหลายองค์กรออกมาประณามเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้น โดยเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพได้ออกแถลงการณ์ประณามผู้ก่อเหตุทำร้ายเป้าหมายอ่อนแอ ตั้งแต่เหตุสังหารเด็กชายสามพี่น้องที่ อ.บาเจาะ ซึ่งทางเครือข่ายฯเชื่อว่าทำให้มีการสังหารชาวไทยพุทธต่อเนื่องมาอีกหลายเหตุการณ์ จึงมีข้อเรียกร้องดังนี้
1.ขอให้ประชาชน ผู้นำชุมชน องค์การภาคประชาสังคม ตื่นตัวและตระหนักต่อสถานการณ์การใช้ความรุนแรงอันไร้ขอบเขตและไร้มนุษยธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เครือข่ายฯขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งไปยังครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องชาวไทยพุทธหรือพี่น้องชาวไทยมุสลิม
2. ขอให้กองกำลังติดอาวุธทุกฝ่ายยุติความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์ 3.ทุกภาคส่วนรวมถึงครอบครัว ชุมชน และสังคมควรมีความอดทนอดกลั้นและไม่ควรใช้ความรุนแรงเพื่อตอบโต้ความรุนแรง
4.ขอให้ประชาชน ผู้นำชุมชน องค์การภาคประชาสังคม ร่วมมือกันอย่างจริงจังเพื่อติดตามและตรวจสอบการดำเนินการให้ความยุติธรรมต่อครอบครัวเหยื่อผู้สูญเสียในครั้งนี้ และร่วมกันหาแนวทางป้องกันเหตุการณ์รุนแรงที่จะเกิดกับเด็กและสตรีในอนาคต
5.ขอให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบสืบสวนสอบสวนคดี ดำเนินการอย่างรวดเร็ว โปร่งใส เพื่อให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวเหยื่อผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เมื่อได้ข้อเท็จจริงประการใดให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ
6.เพิ่มการรักษาความปลอดภัยและดูแลชุมชนหมู่บ้านที่มีไทยพุทธ และชุมชนหมู่บ้านที่มีไทยพุทธกับมุสลิมอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นพิเศษ
ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ออกแถลงการณ์ประณามการใช้ความรุนแรงต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีเนื้อหาคล้ายๆ กับของเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ
แถลงการณ์เน้นย้ำในตอนท้ายว่า ขอวิงวอนอย่ากระทำความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์ เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ผู้เป็นตัวแทนของศาสนาทุกศาสนา และขอให้ประชาชนในพื้นที่ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพในความแตกต่างของกันและกัน เพื่อนำความสงบและสันติสุขคืนสู่ประเทศไทย
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ต้องขังคดีความมั่นคงได้ออกแถลงการณ์ถึงองค์กรระหว่างประเทศและองค์กรต่างประเทศทุกองค์กร ร้องเรียนกรณีเหตุการณ์กราดยิงครอบครัวของจำเลยคดีการเมืองปาตานีเสียชีวิต 3 ศพและบาดเจ็บ 2 รายซึ่งหมายถึงเหตุการณ์สังหารครอบครัวของ นายเจะมุ มะมัน ที่ทำให้ลูกๆ ของนายเจะมุเสียชีวิตถึง 3 คน
แถลงการณ์อ้างว่า นายเจะมุเป็นจำเลยในคดีทางการเมืองในพื้นที่ปาตานี (หมายถึง จ.ปัตตานี และจังหวัดชายแดนภาคใต้) เคยถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางปัตตานีเมื่อปี 2553 เพื่อต่อสู้คดี กระทั่งศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และนายเจะมุได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
แถลงการณ์ยังอ้างด้วยว่าที่ผ่านมามีการทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธสงครามจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตต่อจำเลยคดีการเมืองปาตานีมาแล้วหลายครั้ง จึงขอให้องค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนและกฎหมายหามาตรการปกป้องคุ้มครองให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ผู้ต้องหา ผู้ต้องขัง หรือจำเลยคดีทางการเมืองปาตานีด้วย
อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบของ "ทีมข่าวอิศรา" พบว่า นายเจะมุ มะมันนั้น ไม่ได้ถูกดำเนิน "คดีความมั่นคง" ซึ่งเครือข่ายผู้ต้องขังฯ มองว่าเป็นคดีการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ยังเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมที่น่าจะเป็นเหตุขัดแย้งส่วนตัวกับนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่อีกด้วย
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : ขันใส่ข้าวสำหรับตักบาตรของพี่น้องไทยพุทธถูกวางทิ้งไว้บนพื้นศาลาริมทางที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี หลังเกิดเหตุสลดคนร้ายกราดยิงใส่ทำให้มีพระมรณภาพ ฆราวาสเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย