“เฉลิม” ลั่นขอคืนพื้นที่ทุกแห่งหลัง 15 ก.พ. วอนปชช.กลับบ้าน
“ศรส.” แถลงผลดำเนินการขอคืนพื้นที่เรียบร้อยดี พบยาเสพติด-อุปกรณ์ประกอบระเบิด เพิ่มข้อหากบฏให้ “สนธิญาณ” ฝากขังต่อ 12 วัน สั่งดีเอสไอเร่งจับ “สุเทพ” รับคำสั่งฟ้องสลายการชุมนุม 53 “เฉลิม” ลั่นขอคืนพื้นที่ทุกแห่งหลัง 15 ก.พ. วอนปชช.กลับบ้าน สั่งเตรียมหน่วยเคลื่อนที่เร็วเข้าสลาย
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 13.00 น. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศรส.) แถลงผลการประชุมศรส. ว่า เช้าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ของ ศรส.ได้เข้าทำการสนธิกำลังเพื่อเข้าไปจับกุมแกนนำกปปส. ที่ศาลได้อนุมัติหมายจับแล้วหลบซ่อนอยู่ตามที่ชุมนุมต่างๆ รวมถึงการ์ดของแกนนำที่อยู่ห้อมล้อม ซึ่งอาจขัดขวางการเข้าจับกุม ก็จะเป็นความผิดซึ่งหน้าที่เจ้าพนักงานสามารถจับกุมได้ทันที
“ผลการเข้าดำเนินการบริเวณทำเนียบรัฐบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปรากฏกลุ่มผู้ต้องหาและการ์ดได้พากันหลบหนี ละทิ้งพื้นที่ที่ได้ยึดถือไว้ เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบพื้นที่ พบสิ่งผิดกฎหมายได้แก่ อาวุธยาเสพติด และอุปกรณ์การประกอบระเบิดจำนวนมากที่แกนนำกปปส.และการ์ดได้ทิ้งไว้” นายธาริต กล่าว
นายธาริต กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำกปปส. ซึ่งโดนจับกุมนั้น ศรส.ได้ขออนุญาตศาลควบคุมตัวต่ออีก 7 วัน ซึ่งศาลเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นต้องควบคุมตัวแล้วจึงให้ปล่อยตัว แต่ศรส.ได้รับแจ้งว่านายสนธิญาณ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีร้ายแรงคือ ข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันก่อความไม่สงบในบ้านเมือง และร่วมกันยุยงส่งเสริมให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย
“เจ้าพนักงาน 3 ฝ่ายร่วมกันสอบสวน ได้มีมติแล้วให้แจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวแก่นายสนธิญาณ และในวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ จะได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอออกหมายขังมีกำหนดครั้งละ 12 วัน ไม่เกิน 7 ครั้ง หรือ 84 วัน โดยจะได้ขอศาลคัดค้านการประกันตัว เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์โทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และหากปล่อยตัวไปก็เชื่อว่าจะไปกระทำผิดซ้ำอีก ศรส.ขอยืนยันว่าการปฏิบัติตามที่กล่าวมานี้ เป็นขั้นตอนปกติตามกฎหมายซึ่งไม่อาจปฏิบัติเป็นอื่นได้ และไม่มีการกลั่นแกล้ง” นายธาริต กล่าว
นายธาริต กล่าวต่อว่า ศรส.ได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันครบกำหนดที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ซึ่งอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องในความผิดฐานร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล เมื่อเหตุการณ์สลายการชุมนุมในปีพ.ศ. 2553 ซึ่งพนักงานอัยการได้นำตัวนายอภิสิทธิ์ ฟ้องคดีเป็นจำเลยต่อศาลไปแล้ว
“แต่นายสุเทพ ไม่ยอมไปศาล และขอเลื่อนนัดพนักงานอัยการเรื่อยมาถึง 4 นัด ดังนั้นพนักงานอัยการจึงไม่อนุญาตให้เลื่อนนัดอีกต่อไป โดยอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษจะได้แจ้งให้ดีเอสไอไปดำเนินการนำตัวนายสุเทพ มาเพื่อส่งตัวต่อศาลและฟ้องคดีเป็นจำเลย ซึ่งดีเอสไอจะได้เร่งรีบดำเนินการให้ได้ตัวนายสุเทพโดยเร็วต่อไป” นายธาริต กล่าว
ก่อนหน้านี้เวลา 10.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผอ.ศรส. แถลงข่าวภายหลังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอคืนพื้นที่บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล ว่า ถ้าพี่น้องรักประชาธิปไตยกลับบ้านเถอะ เขาเลือกตั้งแล้ว และจะเลือกตั้งต่อ มีรัฐบาลใหม่ เสนอการปฏิรูปมา รัฐบาลรับฟังจะ 6 เดือน หรือ 1ปี แล้วยุบสภา เลือกตั้งใหม่ การเรียกร้องนายกรัฐมนตรีลาออกมันทำไม่ได้ และผิดกฎหมาย และในระบอบประชาธิปไตย มันไม่มีคนกลาง มันมีรัฐบาลกับฝ่ายค้าน พวกแสดงตัวเป็นคนกลางกลับบ้านไป
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะประชุมวางแผนกับศรส. ถึงกรณียึดสถานที่ราชการ โดยจะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งพื้นที่ใดถูกยึดให้แจังได้ที่ศรส. โดยจะไม่มีการเจรจาจะจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายคือการชุมนุมเกิน 5 คน ผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีโทษจำคุก 2 ปี และบุกรุกสถานที่ราชการ ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 เพื่อไม่ให้มีการยึดสถานที่ราชการอื่นๆ
“การดำเนินการครั้งนี้ ไม่มีคนเจ็บ ไม่มีคนตาย ถือว่าประสบความสำเร็จ แต่หากกลุ่มผู้ชุมนุมกลับเข้ามาในพื้นที่อีกถือว่าเป็นการหาเรื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมดำเนินการศรส. ยอมไม่ได้ ขณะนี้ยังไม่เสร็จภารกิจ ยังไม่ขอบอกว่าสำเร็จหรือไม่ ซึ่งการควบคุมตัวนายสุเทพ ยังจะเดินหน้าต่อไป แต่ต้องทำในจังหวะเวลาที่เหมาะ ไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมดำเนินการขอคืนพื้นที่การชุมนุมทุกที่” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ภาพจาก www.thairath.co.th