ยูนิเซฟ-มูลนิธิยุติธรรมฯ-สภาที่ปรึกษาฯ ร่วมประณามเหตุฆ่า3หนูน้อยนราฯ
องค์การยูนิเซฟ มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ และสภาที่ปรึกษาฯ ออกแถลงการณ์ร่วมประณามเหตุการณ์ฆ่าเด็ก 3 ศพที่นราธิวาส จี้ทุกฝ่ายร่วมวางมาตรการรับประกันความปลอดภัย "อังคณา" แฉรัฐไร้ยุทธศาสตร์ดูแลผู้หญิง-เด็กในพื้นที่ขัดแย้ง พบเหยื่อรุนแรงหลายรายถึงขั้นปราสาทหลอน
องค์การยูนิเซฟได้ออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์สังหารเด็กชายสามพี่น้องใน จ.นราธิวาส เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 3 ก.พ.57 พร้อมแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็กซึ่งยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในจังหวัดชายแดนใต้ของประเทศไทย
ข้อมูลจากรายงานข่าวระบุว่า เด็กชายทั้งสามคนถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าบ้านของพวกเขา โดยคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่ครอบครัวของพวกเขาหลังกลับจากละหมาดที่มัสยิดในหมู่บ้าน เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พ่อและแม่ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้รับบาดเจ็บด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนต่อไปว่าเหตุดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้หรือไม่
"ยูนิเซฟขอประณามการสังหารเด็กผู้บริสุทธิ์ในครั้งนี้ และเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงต่อเด็กในทุกรูปแบบ" นายพิชัย ราชภัณฑารี ผู้แทนองค์การยูนิเซฟประเทศไทยกล่าว และว่า "เรามีความเป็นห่วงถึงผลกระทบต่อเด็กๆ จากสถานการณ์ความรุนแรงที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในจังหวัดชายแดนใต้ และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำทุกวิถีทางเพื่อประกันความปลอดภัยของเด็กๆ และทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีเด็กคนใดตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง"
เด็กเหยื่อรุนแรงบางรายปราสาทหลอน
ขณะที่มูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ซึ่งมี นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของทนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม เป็นประธาน ได้ออกแถลงการณ์ประณามในเหตุการณ์เดียวกัน โดยระบุว่ามูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวนายเจะมุ มะมัน (พ่อของเด็ก 3 คนที่เสียชีวิต) และขอประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกระทำอันไร้มนุษยธรรม ขาดซึ่งเมตตาธรรมของผู้ใช้ความรุนแรงต่อเด็กซึ่งถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ รวมถึงสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ในครั้งนี้
นับแต่ปี 2547 มีเด็กและสตรีจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อการใช้ความรุนแรง ทั้งที่เด็กเหล่านั้นมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งใดๆ การสังหารผู้บริสุทธิ์นอกจากจะส่งผลให้เกิดความทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียแล้ว ยังก่อให้เกิดความหวาดกลัวอย่างมากต่อสังคม โดยเฉพาะเมื่อเกิดความรุนแรงต่อเด็ก ย่อมส่งผลต่อการพัฒนาทางร่างกายและจิตใจเด็กและเยาวชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"ปัจจุบันมีเด็กหลายคนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงทั้งร่างกายและจิตใจจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก หรือความรุนแรงที่เกิดกับเด็กเองโดยตรง ส่งผลให้เด็กไม่สามารถมีพัฒนาเจริญเติบโตตามวัย เกิดความหวาดระแวงสังคม ไม่ไว้วางใจใคร เด็กหลายรายมีอาการฝันร้ายและประสาทหลอน" นางอังคณา กล่าว และว่า ปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรียังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเนื่องจากรัฐบาลยังไม่เคยมียุทธศาสตร์เฉพาะเพื่อคุ้มครองเด็กและสตรีจากความรุนแรงในพื้นที่ขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้
จี้กรรมการสิทธิฯแสดงบทบาท
ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองสิทธิเด็กและสตรีในพื้นที่ขัดแย้งทางอาวุธในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มูลนิธิฯมีข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดังนี้
1.ทุกฝ่ายซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งและเป็นผู้ใช้ความรุนแรงต้องเคารพสิทธิเด็ก สตรี และผู้บริสุทธิ์ ต้องยอมรับว่าสิทธิในชีวิตและร่างกายของผู้บริสุทธิ์เป็นสิทธิที่ไม่อาจมีผู้ใดพรากไปได้
2.รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงองค์กรศาสนาต้องสร้างมาตรการที่จำเป็นในการปกป้องคุ้มครองเด็ก เยาวชน และสตรีในพื้นที่ขัดแย้งทางอาวุธให้มีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยจากความรุนแรงทุกรูปแบบ
3.รัฐต้องเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ทั้งนี้ทุกฝ่ายไม่ควรด่วนสรุปจนกว่าการสืบสวนสอบสวนจะเสร็จสิ้น
4.ทุกภาคส่วนรวมถึงครอบครัว ชุมชน และสังคมควรมีความอดทนอดกลั้น และไม่ควรใช้ความรุนแรงเพื่อตอบโต้ความรุนแรง
5.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กสม.) ควรให้ความสำคัญต่อการละเมิดสิทธิเด็กและสตรี และถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในการหาแนวทางเพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิเด็กในพื้นที่ขัดแย้ง
สำหรับเหตุสลดสังหารเด็ก 3 คน เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 20.15 น. วันจันทร์ที่ 3 ก.พ. มีคนร้าย 4 คนใช้อาวุธสงครามยิง นายเจะมุ มะมัน และครอบครัว ที่บ้านเลขที่ 143/4 บ้านปะลุกาแปเราะ หมู่ 7 ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ทำให้ลูกๆ ของนายเจะมุเสียชีวิต 3 คน ประกอบด้วย ด.ช.มูยาเฮด มะมัน อายุ 11 ปี ด.ช.บาฮารี มะมัน อายุ 9 ปี และ ด.ช.อิลยาส มะมัน อายุ 6 ปี ส่วนภรรยาคือ นางพาดีละห์ แมยู ซึ่งตั้งท้องได้ 4 เดือน ได้รับบาดเจ็บสาหัส
กลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงพุ่งเป้าเด็ก
ด้าน สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 (พ.ร.บ.ศอ.บต.) ออกแถลงการณ์ระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงได้กระทำไม่เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่ยังกระทำต่อผู้บริสุทธิ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อเด็กด้วย ส่งผลให้ครอบครัวผู้บริสุทธิ์ได้รับความเดือดร้อน ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ เกิดความหวาดระแวง วิถีชีวิตอยู่บนความไม่ปลอดภัยอันเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในชีวิตอย่างรุนแรงต่อประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเป็นอย่างยิ่ง
สภาที่ปรึกษาฯ จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน เด็ก และผู้บริสุทธิ์ดังกล่าว พร้อมกันนี้ สภาที่ปรึกษาฯ ขอความร่วมมือประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่โปรดช่วยกันสอดส่องดูแลป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง ตลอดจนร่วมประณามการกระทำที่โหดร้ายรุนแรงในทุกรูปแบบ เพราะการกระทำดังกล่าวถือว่าขัดกับหลักกฎหมาย หลักศาสนา และรวมทั้งเป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในชีวิตและร่างกายที่ทุกคน ทุกศาสนา ทุกเชื้อชาติย่อมได้รับการคุ้มครอง
นายอับดุลการิม รามันห์สิริวงศ์ เลขาธิการสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง ติดตามสืบสวนหาตัวคนร้ายมาลงโทษโดยเร็ว เนื่องจากเป็นการก่อเหตุสะเทือนขวัญที่มีเด็กต้องสังเวยชีวิตจากสถานการณ์มากถึง 3 ศพ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : สัญลักษณ์องค์การยูนิเซฟ