ดร.เพิ่มศักดิ์ ขอทุกฝ่ายเฝ้าระวัง มีสติ คุมเลือกตั้ง 2 ก.พ.ไม่ให้เกิดความรุนแรง
อดีตคณะกรรมการปฏิรูป เตือนสติขอผู้ที่ต้องการสร้างความรุนแรงเปลี่ยนความคิด วอนมวลชนทุกฝ่ายต่อสู้มีสติและมีเหตุมีผล ชี้ 2 ก.พ.ควบคุมไม่ได้ อีก 10 ปี ปัญหาความขัดแย้งก็แก้ไม่จบ
ดร.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ อดีตคณะกรรมการปฏิรูป ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา ถึงกรณีการที่ประเทศจะเดินหน้าปฏิรูป ไม่สามารถมองข้ามเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งไปได้ เพราเราไม่สามารถคาดคิดได้ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง เป็นเหตุการณ์ในระดับที่ควบคุมได้หรือไม่ ฉะนั้น จึงจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องชวนกันยุติความรุนแรงให้เกิดขึ้นในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่เป็นคู่ขัดแย้ง
"เราไม่อาจนำความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์มาสร้างเงื่อนไขให้ "หยุดคิด" เรื่องการปฏิรูป การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือระยะสั้นก็ต้องทำ แต่แก้ปัญหาในระยะยาวก็ต้องคิด" ดร.เพิ่มศักดิ์ กล่าว และว่า ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องกับทุกฝ่ายที่อาจจะมีส่วนก่อให้เกิดความรุนแรงได้ตั้งสติ เพราะถึงอย่างไรความรุงแรงก็ไม่อาจนำไปสู่การปฏิรูปประเทศตามที่ทุกฝ่ายปรารถนา
อดีตกรรมการปฏิรูป กล่าวอีกว่า ขอให้ผู้ที่ต้องการสร้างความรุนแรงเปลี่ยนความคิด อยากเลือกตั้งก็ให้เดินหน้าไป ส่วนผู้ที่อยากคัดค้านการเลือกตั้งก็คัดค้านไป เพียงแต่ต่างฝ่ายอย่าใช้ความรุนแรง ซึ่งหากทุกองค์การประสานเสียงกันเรียกร้องให้ยุติความรุนแรง พร้อมกับสื่อยืนยันว่า เราสามารถปฏิรูป หาทางออกทางการเมืองและความเหลื่อมล้ำได้ โดยไม่ใช่ความรุนแรงในการปฏิรูปก็จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ระดับหนึ่ง
“แต่หากความรุนแรงในวันเลือกตั้งควบคุมไม่ได้ อีก 10 ปี ปัญหาความขัดแย้งก็แก้ไม่จบ และยิ่งจะเป็นการสร้างเงื่อนปมความขัดแย้งมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้ไม่ใช่ความรุนแรง และขอให้มวลชนทุกฝ่ายต่อสู้มีสติและมีเหตุมีผล”
ดร.เพิ่มศักดิ์ กล่าวถึงสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นในวันเลือกตั้ง คือการที่ทุกฝ่ายช่วยกันเฝ้าระวังและเตือนสติ แม้การเดินหน้าเจรจาของคู่ขัดแย้งอาจจะไม่เกิดขึ้น แต่เราก็สามารถควบคุมสถานการณ์ความรุนแรงได้ เพียงทั้งสองฝ่ายควบคุมกลุ่มฮาร์ดคอของมวลชนฝ่ายตนเองให้ได้ ทั้งนี้ หากไม่สามารถควบคุมได้ ผู้ที่ทำให้เกิดความรุนแรงต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองกระทำ
อย่างไรก็ตาม ดร.เพิ่มศักดิ์ กล่าวย้ำด้วยว่า ในท้ายที่สุดแม้คู่ขัดแย้งไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้ การเดินหน้าปฏิรูปยังต้องเดินหน้าต่อไปเพราะคนที่ได้รับผลกระทบหลายคนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ ยังมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสัปทานเหมืองแร่ เรื่องกระบวนการยุติธรรม หากเรามัวแต่มุ่งที่จะแก้ไขความขัดแย้งของคนเพียงสองกลุ่มอย่างเดียวอาจจะเป็นการละเลยประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ การปฏิรูปประเทศไม่ได้ทำเฉพาะในกรุงเทพฯเท่านั้น แต่ทำอยู่ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเกษตร การจัดการทรัพยากร กระบวนการยุติธรรม ระบบการศึกษา ถึงอย่างไรจะต้องเดินหน้าต่อไป