รองแม่ทัพภาค4หนุน"เจรจาลับ" ใต้ระอุยิง 3 ศพเด็กหญิงสังเวย
กมธ.วุฒิสภาเดินสายรับฟังความเห็นเพื่อประเมินผลกระบวนการสันติภาพที่ได้พูดคุยกับบีอาร์เอ็น รองแม่ทัพภาค 4 ชี้ เจรจาแบบปิดลับประสบความสำเร็จกว่า ยกกรณี "พูโล-จคม." ล่าสุด "ดร.วันกาเดร์" ยังยอมกลับปัตตานี แต่ยอมรับต้องใช้เวลา เหตุกลุ่มป่วนใต้แตกเป็นหลายพวก ด้านสถานการณ์ในพื้นที่ยังระอุ "มอเตอร์ไซค์บอมบ์" ย่านเศรษฐกิจใหม่ในเขตเมืองนราธิวาส วางระเบิดปลอมป่วนยะลา ยิง 3 ศพที่ระแงะ เด็กหญิง 4 ขวบสังเวย
เมื่อวันจันทร์ที่ 27 ม.ค.2557 ที่ห้องประชุมเก้าแสน โรงแรมลีการ์เด้นส์ หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีการสัมนารับฟังความคิดเห็นเรื่อง "การพูดคุยสันติภาพเพื่อดับไฟใต้" ซึ่งเป็นการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา ติดตาม และประเมินผลกระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ วุฒิสภา ซึ่งมี พล.อ.เกษมศักดิ์ ปลูกสวัสดิ์ เป็นประธาน โดยมีตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น
พล.ต.ชรินทร์ อมรแก้ว รองแม่ทัพภาคที่ 4 และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน.) ซึ่งร่วมคณะพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็นเมื่อปีที่แล้ว กล่าวถึงบทบาทของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กับการพูดคุยสันติภาพว่า โดยข้อเท็จจริงทหารทำหน้าที่พูดคุยกับกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนมานานกว่า 30 ปีแล้ว ตั้งแต่ขบวนการพูโล จนนำมาซึ่งการวางอาวุธและออกมารายงานตัวเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติ
นอกจากนั้น ยังมีการพูดคุยกับโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายา (จคม.) จนสุดท้าย จคม.ยอมยุติการสู้รบ และออกมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย จากนั้นตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมาที่เกิดเหตุรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทหารก็ทำการพูดคุยในทางลับกับกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนและผู้เห็นต่างจากรัฐทั้งในและนอกประเทศมาโดยตลอด เพียงแต่เป็นการพูดคุยทางลับ ไม่นำมาเปิดเผย ไม่เหมือนกับที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ดำเนินการ ซึ่งเป็นการพูดคุยแบบเปิดเผยต่อสาธารณะ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ สมช.ดำเนินการเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งกองทัพโดย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ก็เห็นด้วยและสนับสนุน
"สำหรับ กอ.รมน.ภาค 4 สน.นั้น จากที่ได้พูดคุยในทางลับกับกลุ่มต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ จนนำมาสู่โครงการพาคนกลับบ้าน ถือว่าส่งผลดี คือ มีแกนนำและแนวร่วมที่เห็นต่างจากรัฐ รวมทั้งผู้หลงผิด เข้ารายงานตัวกับ กอ.รมน.เป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีกรณีล่าสุด คือ ดร.วันกาเดร์ เจะมัน อดีตประธานขบวนการบีไอพีพี และประธานเบอร์ซาตู ได้เดินทางจากประเทศมาเลเซียกลับมายัง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นบ้านเกิด หลังจากที่ได้ออกจากประเทศไทยไปกว่า 30 ปี นี่คือความสำเร็จของการพูดคุยในทางลับที่เกิดขึ้น" รองแม่ทัพภาคที่ 4 ระบุ
ส่วนการพูดคุยสันติภาพที่จะดำเนินต่อไปนั้น พล.ต.ชรินทร์ กล่าวว่า ยังต้องใช้เวลา เพราะขบวนการมีหลายกลุ่ม และแต่ละกลุ่มแต่ละขบวนการไม่มีความเป็นเอกภาพ มีความเห็นที่แตกต่าง บางกลุ่มต้องการใช้การพูดคุยเพื่อยุติความรุนแรง แต่บางกลุ่มต้องการใช้ความรุนแรงต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่ง กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้มีการปรับแผน ปรับยุทธวิธีในการป้องกันและตรวจค้นจับกุมอย่างต่อเนื่อง
บึ้มย่านเศรษฐกิจใหม่เทศบาลนราฯ
ด้านสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 21.52 น.วันอาทิตย์ที่ 26 ม.ค. ร.ต.อ.คงศักดิ์ แดงดี ร้อยเวร สภ.เมืองนราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายวางระเบิดบริเวณร้านค้าซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจใหม่ของเมืองนราธิวาส ตั้งอยู่บนถนนประชาสงเคราะห์ เส้นทางบายพาส 4003 เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ จุดเกิดเหตุเป็นเพิงขายของอยู่ตรงข้ามร้านบิสมิลลาฮ์กาแฟสด เลขที่ 12/40 ซึ่งมี นายมะนาเซ สะมะดะแมง อายุ 31 ปีเป็นเจ้าของร้าน มีเศษซากชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 สีดำ ไหม้เกรียมเป็นตอตะโก และพบเศษซากของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ในถัง น้ำหนักประมาณ 30 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือกระจายเกลื่อนอยู่ข้างถังขยะของเทศบาลเมืองนราธิวาสที่พังเสียหายเช่นกัน เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
สำหรับอานุภาพของระเบิดได้ทำให้ร้านค้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้รับความเสียหายหลายคูหา โดยบ้านที่กระจก กันสาด และหลอดไฟแตกเสียหายมีจำนวน 9 หลัง รถยนต์เสียหาย 2 คัน
สอบปากคำ นายมะนาเซ เจ้าของร้านบิสมิลลาฮ์กาแฟสด ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งอยู่ภายในร้าน กำลังเตรียมจะปิดร้านพร้อมๆ กับร้านค้าใกล้เคียงที่เริ่มทยอยปิด โดยไม่ได้สังเกตว่ารถจักรยานยนต์คันที่คนร้ายซุกระเบิดเป็น "มอเตอร์ไซค์บอมบ์" ถูกขี่มาจอดไว้ตั้งแต่เมื่อไร และใครเป็นคนขับขี่มา จากนั้นได้เกิดระเบิดขึ้นข้างหน้าเพิงขายของตรงข้ามร้านของตนเสียงดังสนั่นไปทั่ว แรงระเบิดทำให้ร้านของตนเองและร้านค้าใกล้ๆ กันรวม 9 หลังคาเรือน และรถยนต์อีก 2 คันได้รับความเสียหาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
พบ จยย.บอมบ์เป็นรถถูกโจรกรรม
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ 27 ม.ค. พ.ต.อ.สมพร มีสุข ผู้กำกับการ สภ.เมืองนราธิวาส ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดี พบข้อมูลเพิ่มเติมว่า รถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ติดตั้งระเบิด เป็นรถยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีเทา หมายเลขทะเบียน กรท 831 นราธิวาส เจ้าของเดิมเป็นชาว อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จากนั้นมีการขายต่อเป็นทอดๆ กระทั่งมีข้อมูลถูกแจ้งหายไว้ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ปีที่แล้ว
ระเบิดปลอม-พ่นสีถนนป่วนยะลา
ที่ อ.เมือง จ.ยะลา เวลาประมาณ 11.45 น. ชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน (ชรบ.) แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า บริเวณเกาะกลางถนนบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 409 ช่วงยะลา-บ้านเนียง หมู่ 3 ต.ท่าสาป มีวัตถุต้องสงสัยวางอยู่ จากนั้นตำรวจจึงประสานหน่วยทำลายวัตถุระเบิด หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย เข้าตรวจสอบ พบวัตถุต้องสงสัยมีลักษณะทรงกลม พันด้วยเทปดำ มีสายไฟโผล่ออกมา ซุกอยู่ในพงหญ้าบนเกาะกลางถนน นอกจากนั้นยังพบว่าบนพื้นถนนทั้งสองฝั่ง คนร้ายใช้สีสเปรย์สีแดงพ่นข้อความ Patani Merdeka (เอกราชปัตตานี) เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจยิงทำลายวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว ปรากฏว่าเป็นระเบิดปลอม
ยิง 3 ศพที่ระแงะ-เด็ก4ขวบสังเวย
เวลา 15.50 น.วันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนอาก้าประชาชนเสียชีวิต 3 ศพในรถกระบะขณะขับอยู่บนถนนสายชนบท ท้องที่บ้านซีโป หมู่ 3 ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตประกอบด้วย นายอิสมาแอล ดอเลาะ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 บ้านทำเนียบ หมู่ 6 ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส ด.ญ.ยัสมีน ดอเลาะ อายุ 4 ขวบ บุตรสาวของนายอิสมาแอล และ นายอัสนัยน์ เจ๊ะโซ๊ะ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 บ้านทำเนียบ หมู่ 6 อ.เมืองนราธิวาส
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้นำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบว่าผู้ตายทั้ง 3 นั่งมาในรถกระบะยี่ห้อมิตชูบิชิ รุ่นไทรทัน สีดำ หมายเลขทะเบียน บฉ 2973 นราธิวาส โดยมีนายอิสมาแอเป็นคนขับ นายอัสนัยน์นั่งข้างๆ และ ด.ญ.ยัสมีน นั่งด้านหลัง เมื่อถึงจุดเกิดเหตุมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนดักซุ่มอยู่ข้างทาง ใช้อาวุธปืนอาก้ายิงใส่ ทำให้คนในรถเสียชีวิตทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุการสังหาร แต่ให้น้ำหนักไปที่ปมขัดแย้งส่วนตัวและธุรกิจ
ค้น 2 จุดสายบุรีเจออุปกรณ์ประกอบระเบิด
วันเดียวกัน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคดีสำคัญ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 และกำลังจาก สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 2 จุดใน อ.สายบุรี สืบเนื่องจากการขยายผลซักถามผู้ต้องสงสัยซึ่งถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้แก่
1. ร้านอินเทอร์เน็ต เลขที่ 12/31 บ้านใต้ ถนนกลาพอ ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี มี นายมัซรัน มูนะ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่1 ต.บือเระ อ.สายบุรี แสดงตัวเป็นเจ้าของ จากการตรวจค้นได้ยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 3 เครื่อง คอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ จำนวน 1 ชุด และอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึกควบคุมตัว นายมัซรัน และผู้ต้องสงสัยอีก 1 รายไปยังกองบังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 เพื่อบันทึกประวัติและตรวจเก็บสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ก่อนนำตัวส่งศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 เพื่อดำเนินการตามกรรมวิธีต่อไป
2.พิสูจน์ทราบจุดซุกซ่อนอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิดในพื้นที่บ้านละเมาะบก ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี พบจุดซุกซ่อนและขุดพบอุปกรณ์ประกอบวัตถุระเบิด เป็นท่อเหล็กทรงกระบอก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว ยาวประมาณ 20 เซ็นติเมตร จึงยึดไปยังหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 เพื่อส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.สายบุรี ดำเนินการต่อไป
รวบ2ผู้ต้องสงสัยพกปืน-ระเบิด-แผนที่เตรียมป่วน
ส่วนที่ อ.เมืองนราธิวาส หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ กองทัพเรือ ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้นำกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่บ้านกูเบ ต.บางปอ อ.เมืองนราธิวาส และสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 2 ราย เป็นบุคคลตามหมาย ฉฉ. ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 พร้อมปืนพกขนาด 9 มม. 1 กระบอก ระเบิดชนิดขว้าง 1 ลูก และยุทโธปกรณ์อื่นๆ อีกหลายรายการ รวมทั้งแผนที่เตรียมการก่อเหตุในพื้นที่ ต.บางปอ อ.เมืองนราธิวาส
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ซากรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายติดตั้งระเบิดเป็น "มอเตอร์ไซค์บอมบ์" ก่อเหตุในย่านเศรษฐกิจใหม่ในเทศบาลเมืองนราธิวาส
2 มือมืดพ่นสีสเปรย์บนถนนในเขต อ.เมืองยะลา (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศื)