รู้จักพรรคน้องใหม่ "ประชาธรรม" ขอเป็น "เจ้าภาพสร้างสันติภาพ"
กระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้า คือหนึ่งในความอยุติธรรม, คนมลายูมีอยู่ในทุกพรรค แต่พรรคคนมลายูมีเพียงหนึ่งเดียว หรือ พรรคอื่นเป็นเพียงของประดับ แต่พรรคเราคือสายเลือด...เหล่านี้คือข้อความหาเสียงอันเร้าใจของพรรคการเมืองน้องใหม่ที่เสนอตัวเป็นทางเลือกในพื้นที่ปลายสุดด้ามขวาน “พรรคประชาธรรม”
สนามเลือกตั้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีสีสันมากขึ้น เพราะไม่ได้มีเพียงพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค คือประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย และพรรคใหม่ของกลุ่มวาดะห์อย่างพรรคมาตุภูมิ ชิงชัยแย่งเก้าอี้ ส.ส.กันเท่านั้น แต่ยังมีพรรคการเมืองหน้าใหม่อย่าง “พรรคประชาธรรม” เสนอตัวเบื้องหน้าพี่น้องประชาชนด้วย
จุดขายของพวกเขาคือการประกาศชัดๆ ว่าเป็น “พรรคของคนมลายู” ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในประเทศไทย และเป็นพรรคที่มาจากการรวมตัวของคนมลายูจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อทำงานการเมืองเพื่อพี่น้องชายแดนใต้อย่างเป็นระบบ
หลายคนอาจประเมินว่าพรรคประชาธรรมเป็นเพียง “ไม้ประดับ” หรือเป็น “นอมินี” ของกลุ่มการเมืองที่หาเรื่องลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อหวังตัดคะแนนเสียงของบางพรรค โดยเฉพาะเมื่อปรากฏชื่อ มุคตาร์ กีละ เป็นหัวหน้าพรรค เพราะเขาเคยทำพรรคสันติภาพไทยร่วมกับ พิเชษฐ์ สถิรชวาล อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งมีเส้นสายโยงใยกับพรรคการเมืองใต้ร่ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว แต่ก็ล้มเหลว
ทว่าเมื่อพลิกดูรายชื่อผู้สมัครซึ่งพรรคประชาธรรมส่งในระบบบัญชีรายชื่อถึง 25 คน และส่งในระบบเขตครบทุกเขตในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และอีก 1 เขตที่ จ.สตูล ทำให้พอมองเห็น “ความพร้อม” และ “การเตรียมตัว” ของพรรคการเมืองของคนมลายูพรรคนี้ไม่น้อยเหมือนกัน
โดยเฉพาะ มุคตาร์ กีละ เองที่เดินสายพบปะเปิดตัวกับผู้คนกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่มาเนิ่นนาน พร้อมๆ กับขายไอเดียแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบว่า “ต้องแก้ด้วยคนพื้นที่เท่านั้น” จึงขอโอกาสให้พวกเขาเป็น “สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงสู่สันติสุข”
“ทีมข่าวอิศรา” พาไปรู้จักกับพรรคประชาธรรมผ่านการพูดคุยกับ มุคตาร์ กีละ หัวหน้าพรรค เพื่อดูว่าสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงสายนี้...พัดแรงเพียงใด?
O อยากทราบเส้นทางการก่อเกิดของพรรคประชาธรรม?
พรรคของเราเกิดขึ้นด้วยสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราขอเป็นแกนกลางในการสร้างสันติภาพ นี่คือหัวใจของพรรคประชาธรรม เราไม่ใช่ตัวหลักในการแก้ปัญหา แต่จะดึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหามาร่วมกันทำงานอย่างเป็นระบบ และให้เราเป็นเจ้าภาพ เพราะคิดว่าปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับการเมือง เราอยากเห็นพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่สันติภาพ
แต่แน่นอนว่าการต่อสู้ในสนามการเมืองกับนักการเมืองที่มีประสบการณ์มากกว่า ทำให้เราผ่านไปได้ไม่ง่าย แต่การเปลี่ยนแปลงตามแนวคิดที่เขาเสนอ ผมคิดว่าประชาชนเริ่มเห็นและรับรู้ว่าพื้นที่นี้กำลังก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลง
O ทุนสนับสนุนในการทำพรรคมาจากไหน?
เราทำงานการเมืองโดยไม่ได้หวังทุนจากใคร เราสำรวจและทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่มาตลอดเกือบสิบปี พบว่าชาวบ้านไม่ได้ให้ความสำคัญว่าตัวแทนของเขาต้องเป็นพรรคใหญ่หรือเล็ก แต่ต้องมีความมุ่งมั่นที่จะทำตามอุดมการณ์ และนั่นคือหลักการในการสร้างพรรคของเรา
ฉะนั้นแม้ประชาธรรมจะเป็นเพียงพรรคเล็กๆ แต่ใหญ่ในเจตนารมณ์และอุดมการณ์ ทุนเรามาจากประชาชนในพื้นที่ที่เราทำความเข้าใจเป็นหลัก ให้เขามองอย่างเข้าใจว่าการเมืองสามารถกำหนดชะตากรรมของพวกเขาได้จริง
O แนวทางและนโยบายหลักๆ ของพรรคในการแก้ปัญหาความไม่สงบคืออะไร?
พรรคประชาธรรมก่อตั้งขึ้นโดยคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งหัวหน้าพรรคและนายทุนของพรรคก็เป็นคนในพื้นที่ เพราะฉะนั้นเราคือพรรคของพี่น้องในสามจังหวัดอย่างแท้จริง นโยบายของเราวิเคราะห์จากปรากฏการณ์ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนหรือพรรคการเมืองใดเสนอทางออกที่เป็นระบบในการแก้ปัญหาชายแดนใต้ที่ครอบคลุมทุกด้าน มีแต่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ มีแต่สถานการณ์ความรุนแรงและความไม่มั่นใจของชาวบ้านที่มีต่อฝ่ายรัฐเอง ความรู้สึกของคนส่วนใหญ่เหมือนขาดที่พึ่งทางการเมือง
ฉะนั้นประชาธรรมต้องการฉันทานุมัติจากประชาชนโดยผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ส.ส. และต้องการให้ได้ ส.ส.เข้าไปเป็นผู้แทนในสภา อาจจะแค่คนเดียวก็ได้ เราจะอาสาเป็นแกนกลางในการแก้ปัญหา ซึ่งพรรคประชาธรรมสามารถดำเนินการได้ เพราะเป็นคนที่นี่ เกิดที่นี่ และจะขอตายที่นี่
จุดยืนของเราคือเราขอเป็นแกนกลางดึงทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะชนะเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม เพราะทุกพื้นที่ที่มีปัญหาความขัดแย้งในโลกนี้จะต้องมี ‘คนกลาง’ ในการแก้ปัญหา เป็น ‘เจ้าภาพสันติภาพ’ สำคัญที่ว่าคนที่นี่ไม่มีสิทธิคิดหรืออย่างไร ต้องรับแต่นโยบายจากข้างบนหรืออย่างไร เพราะกระบวนการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมามาจากข้างบนลงมาสู่ข้างล่างทั้งสิ้น แต่พรรคประชาธรรมจะทำเวทีจากข้างล่างขึ้นข้างบน เราไม่อยากพูดแทนคนมลายู แต่เราจะเป็นเจ้าภาพในการดึงองค์กรต่างๆ มาสู่เวทีการสร้างอนาคตของตนเอง
วันนี้เราคือคนมลายูที่ได้เดินมาไกลกว่าที่คนมลายูคนไหนเคยเดินมาถึง และนับจากนี้ต่อไปยังอนาคตเบื้องหน้าถือว่าอยู่ในลิขิตของพี่น้องมลายูแล้ว
สำหรับนโยบายหลักๆ ของเรา ด้านความมั่นคงเราจะผลักดันให้ผู้ต้องขังในคดีความมั่นคงสามารถได้รับการประกันตัว ด้านการศึกษาเราจะจัดตั้งกองทุนเพื่อดูแลอุสตาซ (ครูสอนศาสนาอิสลาม) ในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม ด้านสาธารณสุขเราจะผลักดันให้สถานพยาบาลทุกแห่งในพื้นที่ทำคลอดโดยใช้แพทย์หญิงเท่านั้น ซึ่งคิดว่าถ้านายกรัฐมนตรีเป็นผู้หญิงก็จะยิ่งผลักดันเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น และจะสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการ โดยในการหาเสียงพรรคใช้สโลแกนว่า 'เราเป็นเพียงผู้เริ่มต้น อนาคตของพรรคอยู่ที่ประชาชน'
O เสียงตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างไร อยู่ในระดับน่าพอใจหรือไม่?
เท่าที่เดินหน้าพบปะทำความเข้าใจกับพี่น้องในพื้นที่ ได้รับกระแสตอบรับที่น่าพอใจมาก เกินกว่าที่คาดไว้ ณ วันนี้เราเข้าถึงชาวบ้านรากหญ้า อย่างเขตของผม (นราธิวาสเขต 3) ก็มั่นใจกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ที่ยะลาเขต 2 เราต้องชนกับแชมป์เก่าคือ คุณซูการ์โน มะทา แม้จะหนักแต่นาทีสุดท้ายก็ต้องรอลุ้น ส่วนที่ปัตตานีก็มีลุ้นมากเหมือนกัน
O ตั้งเป้าว่าจะได้ ส.ส.สักกี่ที่นั่ง?
หากเป็นไปตามที่ประเมินกันเองภายใน เชื่อแน่ว่าพรรคของเราจะได้ ส.ส.จากระบบบัญชีรายชื่อ 1 คน และจากระบบแบบแบ่งเขต 2 คน
O คิดอย่างไรที่ถูกมองว่าเป็นพรรคเล็ก เป็นแค่ไม้ประดับ?
ผมไม่อยากตอบโต้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่คนมลายูสามารถก่อตั้งพรรคการเมืองได้ เป็นการยกฐานะของคนมลายู จากอดีตที่ไม่สามารถทำอะไรได้จริงๆ ในทางการเมือง แต่ประชาธรรมได้ก่อตั้งพรรคของคนมลายูขึ้นมาแล้ว ฉะนั้นอนาคตก็อยู่ที่ประชาชน และได้ขอประทานพรจากอัลลอฮ์ให้พวกเราประสบความสำเร็จ