‘ครูบาสุทธินันท์’ คาดรบ.ใช้ความรุนแรงทางการเมืองเบนเข็มข้าวจีทูจี
‘ครูบาสุทธินันท์’ ปราชญ์อีสานจวกรบ.ทำระบบข้าวไทยพังแล้วยังไม่รับผิดชอบ คาดอาจใช้ความรุนแรงเบี่ยงเบนคดีซื้อขายข้าวจีทูจี ด้าน ‘ประพัฒน์’ ปัดแสดงความเห็น อ้างไปเมืองนอก-ไม่รู้ข้อมูลเชิงลึก
ภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหากรณีการทำสัญญาซื้อขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ต่อนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รมว.พณ.) นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (รมช.พณ.) และข้าราชการจำนวนหนึ่ง พร้อมให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ด้วยนั้น
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดต่อสัมภาษณ์ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ปราชญ์ชาวบ้านอีสาน โดยกล่าวถึงโครงการรับจำนำข้าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้ริเริ่มโครงการนี้ขึ้น ชาวนาไม่รู้เรื่องอะไรเลย รัฐบาลส่งเสริมอย่างไรก็เดิมตามกันไป เรียกว่าให้ทำอะไรก็ทำ แต่ปรากฏว่าเมื่อเข้าร่วมในโครงการแล้วรัฐบาลกลับไม่รับผิดชอบปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“โครงการรับจำนำข้าวมีคนไม่เห็นด้วยมากและได้ส่งสัญญาณเตือนแล้วหลังจากผ่านไป 1 ปี แต่กลับไม่ฟัง เราก็งงมากว่ารัฐบาลกำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งที่เรื่อง ‘ข้าว’ เป็นเรื่องง่ายที่สุด ไม่ซับซ้อนอะไรเลย” ปราชญ์ชาวบ้านอีสาน กล่าว และว่ารัฐบาลดันทำเรื่องประหลาด คือ ตั้งราคารับจำนำสูง จนคนทั้งโลกช็อคและสงสัยว่าเก่งมาจากไหน ทำให้หลายคนจับตามอง และสุดท้ายรัฐบาลก็ทำลายตลาด ความเชื่อ และประวัติศาสตร์ข้าวไทยของชาวนา โดยเฉพาะพันธุ์ข้าวไทย
ครูบาสุทธินันท์ กล่าวถึงทางออกในอนาคตว่า ตนเองมองไปยังรัฐบาลใหม่ที่ต้องเข้ามาตามล้างตามเช็ดเรื่องบ้า ๆ เกี่ยวกับโครงการนี้ ซึ่งขอบอกว่าไม่ง่าย เพราะได้ทำให้เป็นเรื่องผิดปกติซับซ้อนไปหมดแล้ว จึงไม่รู้ว่าจะสะสางอย่างไรได้ อย่าลืมข้าวไทยมิใช่ข้าวขี้เหร่ แต่เป็นข้าวที่มีคุณภาพ และมีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเมื่อมีใครถามขึ้นเกี่ยวกับการขายข้าวรัฐบาลก็ตอบไม่ได้ ถือเป็นเรื่องประหลาดมาก
สำหรับชาวนานั้น ปราชญ์ชาวบ้าน กล่าวว่า จะต้องรวมตัวจากทุกพื้นที่พูดคุยหารือกันใหม่เพื่อหาทางออกร่วมกัน ซึ่งที่ผ่านมาเรามีชาวนาที่คัดพันธุ์ข้าวที่ดีปลูกเอง ทำโรงสีเอง และขายข้าวเอง โดยยืนยันได้ว่า ผู้บริโภคจะได้คุณภาพข้าวที่ดี และเมื่อเปรียบเทียบกับระบบข้าวถุงของรัฐบาลแล้ว เรียกว่าคนละเรื่อง
“เราก็งงว่า คนระดับรัฐบาลทำไมถึงจะทำเรื่องที่ดีอยู่แล้วไม่ได้ ทั้งที่เรื่อง ‘ข้าว’ ไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรมากเลย ขอแค่ใช้งบประมาณเพียง 5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปทำโรงสีชุมชนก็เพียงพอแล้ว” ปราชญ์ชาวบ้านอีสาน กล่าว และว่า เมื่อชาวนาสีข้าวไว้ใช้ในครัวเรือน นอกจากจะได้ข้าวคุณภาพดี ยังจะได้รำและปลายข้าวไว้เลี้ยงสัตว์ บำรุงดิน หรือนำมาแบ่งปัน สร้างตลาดร่วมกันได้ด้วย นับเป็นผลเชิงบวกทั้งหมด แต่เมื่อรัฐบาลรวมศูนย์ลักษณะนี้จึงทำไม่ได้
เมื่อถามว่า อนาคตควรห้ามมิให้รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงราคาตลาดสินค้าใด ๆ อีกหรือไม่ ครูบาสุทธินันท์ กล่าวว่า การแทรกแซงตลาดสามารถทำได้ แต่ต้องดูที่เจตนาให้ดี ทั้งนี้ปัจจุบันเกษตรกรรมระดับล่างยังขาดแผนแม่บทและกลไกในการกำกับที่เป็นรูปธรรม ดังนั้นจึงควรวางมาตรฐานการผลิต ต้นทุน คุณภาพ ตลอดจนระบบตลาดให้เร็วที่สุด แต่มิใช่มองให้เรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมืองที่ใช้หาเสียงเพื่อหวังหาเงินเข้ากระเป๋าแบ่งกัน
ปราชญ์ชาวบ้านอีสาน ยังกล่าวถึงข้อเสนอให้กำหนดลักษณะและนิยามการขายข้าวแบบจีทูจีให้แคบและชัดเจนเพื่อป้องกันการทุจริตด้วยว่า กรอบกติกาปัจจุบันคงดีอยู่แล้ว แต่รัฐบาลกลับไม่ยึดหลักตามกรอบที่วางไว้ จนเละเทะไปหมด เพราะคิดว่าจะตลบตะแลงอย่างไรก็ได้ ถึงขนาดให้คนระดับนายกรัฐมนตรีพูดว่า ได้ทำสัญญาข้าวแบบจีทูจีกับจีน ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริงได้ ส่งผลให้ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาคนในรัฐบาลขายข้าวจีทูจีเป็นเท็จ ซึ่งรัฐบาลไม่น่าทำเลย เพราะจะทำให้คนทั่วโลกช็อคและไม่เข้าใจว่า เหตุใดรัฐบาลจึงต้องกล้าทำแบบนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าห่วงขณะนี้ ครูบาสุทธินันท์ กล่าวว่า คือ ข้าวกำลังจะเน่า และคาดว่าโรงสีหลายแห่งจะต้อง "เผาข้าว" ทิ้ง ดังเช่นในอดีตที่เคยเกิดขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลก็คงไม่มีวิธีที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ รวมถึงการหาเงินมาจ่ายค่าข้าวให้ชาวนา และหากเป็นเช่นนี้ต่อไปชาวนาหลายพื้นที่คงจะลุกฮือขึ้นมาประท้วง
“รัฐบาลจะต้องหาวิธีการเบี่ยงเบนประเด็นจำนำข้าวด้วยการสร้างสถานการณ์ให้รุนแรงขึ้น ดังเช่นเหตุการณ์ระเบิดกลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่รัฐบาลเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (17 มกราคม 2557) เพื่อนำมาเป็นข้ออ้างและซื้อเวลา ซึ่งคาดว่าสถานการณ์จะรุนแรงมากขึ้นไปอีก ดังนั้นรัฐบาลจะต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่าจะแก้ปัญหาเรื่องข้าวอย่างไร เมื่อเดินสู่ขาลงแล้วทำอะไรก็ดูจะลงไปหมด” ครูบาสุทธินันท์ กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ในฐานะประธานเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวเพียงสั้น ๆ ว่าตนเองไม่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการขายข้าวแบบจีทูจี เพราะในช่วงนั้นไปทำภารกิจที่ต่างประเทศ เลยไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสาร ดังนั้นจึงไม่สามารถจะแสดงความเห็นต่อกรณีดังกล่าวได้
เมื่อถามถึงกรณีรัฐบาลจ่ายเงินค่าข้าวแก่ชาวนาล่าช้า ประธานเกษตรกรแห่งชาติ ระบุว่า ไม่สะดวกที่จะแสดงความเห็นเช่นกัน แต่ก่อนหน้านี้ สภาเกษตรฯ ได้ทำหนังสือไปยังรัฐบาลและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้เร่งรัดการจ่ายเงินแก่ชาวนาหลายครั้ง เพราะเป็นความเดือดร้อนของเกษตรกร ซึ่งถือว่า ได้ดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่างแล้ว อย่างไรก็ตามจะพยายามดำเนินการทวงถามรัฐบาลต่อไป .
ภาพประกอบ:เว็บไซต์classroom.bps.in.th